Header Ads

 


นนทบุรี เปิดใจ คุณลุงการ์ดตลาดนัดบุกชกแท็กซี่หน้าแหก แจงไม่ได้รุมทำร้าย อ้างคู่กรณีด่าบุพการีก่อน

 



นนทบุรี เปิดใจ คุณลุงการ์ดตลาดนัดบุกชกแท็กซี่หน้าแหก แจงไม่ได้รุมทำร้าย อ้างคู่กรณีด่าบุพการีก่อน


 กรณีเพจเฟชบุ๊ก "อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 5.2" ได้ลงเรื่องราวว่า #เรื่องจากกลุ่ม #ขอความช่วยเหลือค่ะ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2566 เวลา 19.48 น. เนื่องจากแฟนมีอาชีพขับรถแท็กซี่ค่ะ และได้ไปส่งผู้โดยสารที่บริเวณหน้าตลาดนัดแห่งหนึ่ง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร ได้มีชายกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นการ์ดรับรถและโบกรถอยู่บริเวณดังกล่าว และการ์ดคนหนึ่งที่1 ได้เดินมาบอกแฟนให้รีบขับรถออกจากบริเวณนี้ แฟนจึงได้แจ้งกับการ์ดคนที่1 ว่า ผมได้รับงานแกร็ปต่อ ผมขอคุยกับผู้โดยสารแปปนึง การ์ดคนที่1 ได้รับทราบ ขณะแฟนกำลังโทรติดต่อสอบถามผู้โดยสารเพื่อขอทราบจุดบริเวณที่ให้ไปรับ แต่ทันใดนั้นมีการ์ดคนที่2 เดินมาทางฝั่งคนขับ มาบอกแฟนให้รีบขับรถออกจากบริเวณนี้ทันที พร้อมตะโกนโวยวายข้างๆรถแท็กซี่ของแฟน แฟนจึงได้เดินลงจากรถ แล้วก็ไปบอกการ์ดคนที่2 ว่าได้รับงานผู้โดยสารต่ออยู่ ขอติดต่อผู้โดยสารแปปนึง หลังจากนั้นการ์ดคนที่2 ได้ใช้กระบอกไฟฉายฟาดใส่แฟน และเกิดการชุลมุนเกิดขึ้น ช่วงเกิดการชุลมุนแฟนบอกไม่รู้ตัวเลย ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง มารู้ตัว มีการ์ดอีกคนล็อคตัวเองไว้ด้านหลัง มีเลือดไหล ปวดระบมตรงศรีษะ และลำตัวไปหมด แฟนจึงตั้งสติโทรหาตำรวจ และมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิเข้ามาทำแผล พร้อมพาไปแจ้งความที่ สน. ห้วยขวาง และได้ดำเนินการส่งตัวแฟนไปตรวจบาดแผลบนร่างกายเบื้องต้นที่โรงพยาบาลตำรวจ และเมื่อวานวันที่ 24 ม.ค 66 คุณหมอได้นัดแฟนไปพบอีกครั้ง และคุณหมอได้สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมได้แจ้งว่าผลตรวจร่างกายออกแล้ว จึงให้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อมารับเอกสาร


ทางแฟนกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากวันที่ไปแจ้งความ แฟนบอกว่า เหมือนไม่ได้ความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ #วอนผู้ใหญ่โปรดช่วยเหลือประชาชนหาเช้ากินค่ำด้วยค่ะ🙏🏻🙏🏻🙏🏻 เรามีลูกเล็กที่ต้องดูแล ค่ารักษาพยาบาลแฟนก็ได้ออกเองค่ะ ตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรค่ะ ประชาชนอย่างเราก็ได้แค่รอค่ะ #โปรดช่วยเหลือแฟนหนูด้วยนะค่ะ🙏🏻🙏🏻🙏🏻


ล่าสุด เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 26 ม.ค.66 ผู้สื่อข่าวเดินไปเข้าพบนายวรากร อ่อนดอน อายุ 65 ปี เป็นการ์ดตลาดนัด ที่คอยดูแลเรื่องการจราจรบริเวณหน้าตลาด รวมถึงดูแลความปลอดภัยภายในตลาดได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ตรงกับที่คู่กรณีดังกล่าวร้องเรียนกับสื่อมวลชนว่าถูกรุมทำร้าย 


นายวรากร เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุทางคู่กรณีได้ขับรถมาจอดบริเวณหน้าตลาด ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ห้ามจอด ทางรปภ.ของตลาดจึงเดินไปเข้าไปตักเตือนทางคู่กรณีว่าส่งผู้โดยสารแล้วให้ไปจอดที่อื่น แต่คู่กรณีไม่ยอมฟังก็ยังจอดแช่อยู่ที่เดิม ต่อมาตนจึงเดินเข้าไปเองแล้วพูดกับคู่กรณีครั้งแรกว่า "เชิญได้แล้วครับ ไปได้แล้วครับ จอดนานแล้วรถจะติดเพราะเป็นที่กลับรถ " แต่ทางคู่กรณีก็ยังนิ่งอยู่ ต่อมาตนจึงเดินไปรอบสองแล้วพูดว่า " จะมาจอดรออะไรอีก รถมันติด ทำไมคุณไม่ออกสักที" ตนยอมรับว่าพูดเสียงดังเพราะกลัวไม่ได้ยิน ทางคู่กรณีก็ได้อ้างว่า รอคุยกับลูกค้าเนื่องจากขับแกร็บ ต่อตนจึงเดินไปที่แท็กซี่ทางคู่กรณีก็เดินออกมาจากรถด้วยท่าทีจะมีเรื่องยืนกำหมัดอยู่ข้างรถ จากนั้นก็มีปากเสียงกันจนกระทั่งทางคู่กรณีพูดว่า "ไอเ_็ดแม่มึงเอายังไงกับกู" ประมาณ 2-3 คำ ทำให้ตนโมโหจึงมีการชกต่อยกันตัวต่อตัว ไม่มีการรถมทำร้ายอย่างที่ออกข่าว โดยทางกูกรณีก็ต่อยสวนตนมาด้วยแต่โดนเฉียดบริเวณหน้าผาก ตนก็ได้รับบาดเจ็บบริเวณหน้าผากนิดหน่อย และปวดบริเวณแขนขวา ซึ่งในการต่อยครั้งนี้ตนได้กำไฟฉายไว้กับมือที่ต่อย เนื่องจากในการทำงานตนถือไฟฉายโบกรถอยู่ตลอดเวลา  หลังจากชกต่อยกันเสร็จทางคู่กรณีได้เดินไปหยิบกระบองเหล็กที่รถแท็กซี่จะมาทำร้ายตน ทางด้านเพื่อนของตนที่เป็นการ์ดอยู่จึงมาล็อกตัวคู่กรณีเพื่อไม่ให้เรื่องมันบานปลายที่จะใช้อาวุธทำร้ายร่างกายกัน ตนยืนยันว่าไม่ได้มีการรุมกระทืบกันตามข่าวแค่เพื่อนตนมาห้ามไม่ให้คู่กรณีใช้อาวุธ เพราะตนมีแค่ไฟฉายอันเดียวจะไปสู้อะไรกับกระบองเหล็ก จากนั้นก็ต่างคนต่างแยกย้ายตนก็ไปโบกรถทำงานเหมือนเดิม ส่วนทางคู่กรณีก็มีรถกู้ภัยมารับตัวไปโรงพยาบาล ตนยอมรับว่าต่อยคู่กรณีจริง ตอนนี้ก็รอทางด้านตำรวจเรียกตนไปสอบปากคำหรืออะไรก็ให้มันเป็นไปตามกฎหมาย เหตุการณ์แบบนี้ตนไม่เคยเจอเพราะแท็กซี่ส่วนมากเห็นตนเอาไฟฉายส่องก็ขับออกไปอย่างรวดเร็วไม่มาจอดแช่แบบนี้ 


นายวรากร กล่าวต่ออีกว่า อยากฝากถึงคู่กรณีว่าอย่าไปก่อปัญหาแบบนี้ที่อื่นอีก หยุดพฤติกรรมแบบนี้จะทำให้ตัวเองเดือดร้อน และก็คิดอาฆาตโกรธแค้นกับคู่กรณีแล้ว ตอนนี้ตนรู้สึกดีขึ้นเนื่องจากได้ระบายความในใจผ่านสื่อ หลังถูกสื่อโจมตีช่วงเมื่อวานที่ผ่านมา และฝากถึงชาวเน็ตว่าก่อนจะตัดสินใจพิมพ์ว่าใครหรือเม้นว่าใครก็ให้รอฟังความทั้งสองด้านก่อนจะตัดสินใจ


ต่อมาผู้สื่อข่าวจึงสอบถามทางด้านกฎหมายกับทางนายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือทนายโป้ง ประธานทนายความจิตอาสา ให้สัมภาษณ์ว่า ในกรณีดังกล่าวทั้งสองฝ่ายยังให้การไม่ตรงกัน ในด้านกฎหมายในกรณีนี้ทางด้านของนายวรากร การ์ดของตลาด มีความผิดในข้อหา ทำร้ายร่างกาย อย่างไรก็ตามคู่กรณีทั้งสองฝ่ายจะต้องเดินทางเข้าพบกับพนักงานสอบสวนเพื่อสอบปากคำก่อนจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม คดีนี้เป็นคดีอาญา ยอมความไม่ได้ หากมีการเยียวยา จนเป็นที่พอใจกับผู้เสียหาย จะเป็นเหตุให้ศาลบรรเทาโทษได้ สุดท้ายจึงอยากฝากถึงประชาชนทุกคนว่าให้ใช้เหตุผลคุยกัน มีสติ การใช้กำลังไม่ใช่วิธีในการแก้ปัญหา ทำให้ถึงขั้นต้องติดคุกหรือถูกดำเนินคดีได้


ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต

จ.นนทบุรี





ขับเคลื่อนโดย Blogger.