Header Ads

 


ธ.ก.ส.บันทึก​ข้อตกลง​ความร่วมมือ​ (MOU)​ ซื้อ-ขาย​ ผลผลิตการเกษตร​ ระหว่างสหกรณ์​การเกษตร​ กับ​ ผู้ประกอบการ​สินค้าเกษตร​ ณ​ โรงแรม​ ดิ​ อิมพีเรียล​ โฮเทล​ แอนด์​ คอนแวนชั่น​ เซ็นเตอร์​ พิษณุโลก​

    ธ.ก.ส. ผนึกกำลังส่วนงานราชการ สหกรณ์การเกษตรและผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคเหนือ 9 จังหวัด เติมทุนหนุนการเชื่อมโยงธุรกิจเกษตร ยกระดับภาคเกษตรไทย ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ผ่านโครงการจัดการผลผลิตเพื่อยกระดับรายได้เกษตรกรและเพิ่มศักยภาพสถาบันเกษตรกรอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิดแก้หนี้ แก้จน & ก้าวพ้นวิกฤต โดยเน้นการจับคู่ธุรกิจระหว่างเกษตรกร สถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบการเกษตรพร้อมเติมทุนสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำวงเงินกว่า 5,000 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องธุรกิจ พัฒนากระบวนการผลิตและยกระดับคุณภาพผลผลิตไปสู่การจำหน่ายสินค้าคุณภาพดีที่ตรงกับความต้องการตลาดโลก     วันนี้ (10​ พฤศจิกายน 2565) นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์​ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์และกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือการเชื่อมโยงธุรกิจสินค้าเกษตรในโครงการจัดการผลผลิตเพื่อยกระดับรายได้เกษตรกรและเพิ่มศักยภาพสถาบันเกษตรกรอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิดแก้หนี้แก้จน & ก้าวพ้นวิกฤต ระหว่างนายโสรัต โสพรรณรัตน์ รองผู้จัดการ ธ.ก.ส. และส่วนงานราชการ สหกรณ์การเกษตรและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง เพื่อเชื่อมโยงธุรกิจเกษตรตั้งแต่ต้นน้้า กลางน้้า ปลายน้้าและสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกิดขึ้นในห่วงโซ่การผลิต เพิ่มศักยภาพสถาบันเกษตรกรจนไปสู่การสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรอย่างยั่งยืน โดยมีนายไพศาล หงษ์ทอง ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส. และภาคีเครือข่าย ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุมพิษณุโลก คอนเวนชั่น โรงแรม ดิอิมพีเรียล โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ พิษณุโลก อ้าเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลกนายไพศาล หงษ์ทอง ผู้ช่วยผู้จัดการและโฆษก ธ.ก.ส. เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2563 ท้าให้เกิดสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตภาคการเกษตรมีราคาพุ่งสูงขึ้น อาทิ ปุ๋ยเคมี เชื้อเพลิง ค่าขนส่ง ท้าให้เกษตรกรต้องแบกรับภาระด้านค่าใช้จ่ายครัวเรือน รวมถึงหนี้สินที่เกิดจากการลงทุน ซึ่ง ธ.ก.ส. ตระหนักถึงสถานการณ์ดังกล่าวและพร้อมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาและร่วมพัฒนาศักยภาพการผลิตในภาคการเกษตรภายใต้แนวคิดการจัดการ – ออกแบบเชิงพื้นที่ “แก้หนี้ แก้จน” Design & Manage by Area (D&MBA) เพื่อจัดการและแก้ไขปัญหาหนี้สินโดยคนในชุมชนให้สามารถก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปได้อย่างเข้มแข็ง พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มในห่วงโซ่การผลิตให้เกษตรกร สถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบการเกษตรมีรายได้อย่างยั่งยืน โดยร่วมกับส่วนงานราชการ สหกรณ์การเกษตรและผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคเหนือ จ้านวน 9 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดสุโขทัย จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดพิจิตร จังหวัดก้าแพงเพชร จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดอุทัยธานี และจังหวัดตาก ซึ่งมีการผลิตพืชเศรษฐกิจหลักหลายชนิด ได้แก่ ข้าว มันส้าปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และอ้อย ดำเนินโครงการจัดการผลผลิตเพื่อยกระดับรายได้เกษตรกรและเพิ่มศักยภาพสถาบันเกษตรกรอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิดแก้หนี้ แก้จน & ก้าวพ้นวิกฤต ในการเข้าไปเป็นผู้ช่วยในการจับคู่ธุรกิจ ตั้งแต่ต้นน้้า กลางน้้า และปลายน้้า ภายใต้กรอบแนวคิดการออกแบบ-การจัดการเชิงพื้นที่ แก้หนี้ แก้จน D&MBA ซึ่งเริ่มตั้งแต่การศึกษาสาเหตุ ปัญหาที่เกิดขึ้นและความต้องการเกษตรกรในพื้นที่ ก้าหนดแนวทางแก้ไขโดยใช้ชุมชนเป็นศูนย์กลาง ประเมินความเป็นไปได้และศักยภาพของชุมชนในการขับเคลื่อนตามแนวทางที่ก้าหนด เน้นการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน รวมทั้งมีภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน เครือข่ายทางสังคม ให้การสนับสนุนในการเติมความรู้ด้านการสร้างอาชีพเดิม เสริมอาชีพใหม่ ความรู้ด้านการเงิน เทคโนโลยีและนวัตกรรมให้แก่เกษตรกร สร้างความเข้มแข็งให้แก่สถาบันเกษตรกรในการรวบรวมผลผลิตจากเกษตรกร จนสามารถส่งมอบผลผลิตที่มีคุณภาพที่ตรงกับความต้องการตลาดให้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อส่งออกจ้าหน่ายไปยังตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจากการร่วมมือครั้งนี้จะมีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดกว่า 520,353 ตันทั้งนี้ ธ.ก.ส. ยังมีการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลผ่านโครงการประกันรายได้ในพืชเศรษฐกิจหลัก 5 ชนิดได้แก่ ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันส้าปะหลัง ยางพาราและปาล์มน้ำมัน และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 ซึ่งมีการจ่ายเงินไปแล้วจำนวน 142,667 ล้านบาทและมีเกษตรกรได้รับประโยชน์กว่า 4.68 ล้านราย และ ธ.ก.ส. พร้อมสนับสนุนสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน วงเงินรวมกว่า 5,000 ล้านบาท เพื่อให้สถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบการได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีอัตราดอกเบี้ยต่้า ได้แก่ สินเชื่อสานฝันสร้างอาชีพ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียนและลงทุนในการประกอบอาชีพ อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี สินเชื่อนวัตกรรมดีมีเงินทุน เพื่อสนับสนุนการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้และลดต้นทุนในกระบวนการผลิตอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 4 ต่อปีสินเชื่อเสริมแกร่ง SME เกษตร ส้าหรับลูกค้าเกษตรหัวขบวนได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนและส่งเสริมการน้าเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปีและสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย ที่เน้นสนับสนุนสหกรณ์การเกษตร วิสาหกิจชุมชน กองทุนหมู่บ้านและกลุ่มเกษตรกรในการขับเคลื่อนชุมชนให้เกิดการรวมกลุ่มของเกษตรกร เพื่อต่อยอดธุรกิจ สร้างรายได้ ยกระดับเศรษฐกิจชุมชน ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาลดต้นทุนและเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ผ่านการแปรรูปผลผลิต อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 ต่อปี และมุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการ SME เกษตรหัวขบวนและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (Smart Farmer) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันภาคเกษตรไทยไปสู่ตลาดสากล🐲🐲ต้อย​ รอบ​รั้ว​ภูธร​ 0619782952​🐲🐲
ขับเคลื่อนโดย Blogger.