Header Ads

 


บึงกาฬ แล้งนานเกิดไฟป่าไหม้สวนยางเสียหายกว่า 50 ไร่


เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 7 ก.พ.ได้เกิดเหตุเพลิงลุกไม้สวนยางพาราของชาวสวนยางและสวนยูคาลิปตัส บ้านโนนสวรรค์ หมู่ 10 ตำบลบึงโขงหลง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ ต่อมารถดับเพลิงของเทศบาลตำบลบึงโขงหลงและบึงงามได้รับแจ้งเหตุ จึงได้จัดเจ้าหน้าที่พร้อมรถดับเพลิง 2 คัน ออกไปช่วยดับไฟ แต่ก็ไม่สามารถเข้าไปฉีกน้ำดับไฟระยะใกล้ๆ ได้ เนื่องจากเส้นทางไม่สะดวกจึงเป็นการช่วยสกัดไฟไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านั้น โดยส่วนหนึ่งก็มีชาวสวนยางที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณเกิดเพลิงไหม้พร้อมกับพระสงฆ์ ก็ได้ร่วมกันออกมาสกัดไฟในครั้งนี้ด้วย โดยใช้ทั้งกิ่งไม้ยอดไม้ฟาดไปที่เปลวไฟ แต่การปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความยากลำบากมีทั้งเปลวความร้อนและก็ควันไฟ ทำให้หายใจไม่สะดวกเต็มปอด ทำให้เหนื่อยอาจเป็นลมและเป็นอันตรายต่อชีวิตและร่างกายได้ ชาวสวนบางคนจึงใช้วิธีปัดกวาดเศษหญ้าและใบไม้ออกจากกัน เพื่อให้เกิดช่องว่างประมาณ 1-2 เมตรสร้างเป็นแนวกันไฟก็ได้ผลดี ประกอบกับช่วงเดือนที่ผ่านมาเป็นฤดูการผลัดใบ จึงทำให้มีใบยางร่วงเป็นจำนวนมากเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีลุกลามไปได้รวดเร็ว

หลังจากไฟลุกไหม้สวนยางพาราของชาวสวนผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมง มีสวนยางที่ถูกไฟไหม้เสียหาย คือสวนยางพาราของ นางสำอาง ผ่องแผ้ว อายุ 58 ปี บ้านเลขที่ 389 หมู่7 บ้านทรายทอง เสียหายไปประมาณ 5 ไร่ ปลูกมาแล้ว 15 ปี สวนยางพาราของ นางแต้ว สอนโพธิ์ อายุ 55 ปีบ้านเลขที่ 86 หมู่ 7 บ้านเดียวกันเสียหาย 14 ไร่ และสวนยูคาลิปตัสอีก 10 ไร่เสียหายทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีสวนยางพารายังไม่ทราบเจ้าของอีกประมาณ 25 ไร่ ซึ่งสวนยางทั้งหมดที่ถูกไฟไหม้หากถูกไฟไหม้เต็มๆ ก็อาจยืนต้นตายไปเลย ส่วนต้นยางที่ไม่ถูกไหม้ 100 % ก็อาจฟื้นฟูได้หากมีฝนตกลงมา ต้องใช้เวลานานหน่อย แต่ปีนี้ฝนได้ทั้งช่วงมานาน ชาวสวนคนหนึ่งให้เหตุผลกับผู้สื่อข่าว

ด้านนางแต้วและนางสำอาง เจ้าของสวนผู้ประสบเคราะห์ กล่าวว่า ไม่ทราบสาเหตุเหมือนกันว่าไฟลุกลามมาจากที่ใดเพราะตนเองก็อยู่ภายในหมู่บ้านห่างจากสวนยางพารา 2 กิโลเมตรมีชาวบ้านโทรไปบอกว่ามีไฟไหม้แถวสวนยางของตนเองก็เลยรีบมาดู จึงได้โทรแจ้งขอความช่วยเหลือจากรถดับเพลิงของเทศบาลบึงโขงหลง เทศบาลบึงงามและกู้ภัยบึงโขงหลงฐานภูลังกา เพื่อมาช่วยดับไฟใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ส่วนสาเหตุไฟไหม้สวนยางและค่าเสียหายจะได้แจ้งตำรวจเพื่อมาดำเนินการตรวจสอบให้อีกครั้งหนึ่ง






ภาพ/ข่าว เกรียงไกร  พรมจันทร์


ขับเคลื่อนโดย Blogger.