Header Ads

 


อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ สมบูรณ์จริง พบ เสือโคร่ง ล่า กวางป่า กัดจนตาย คาปลักน้ำ

วันที่  11 เมษายน 2563  นายธนิตย์ หนูยิ้ม ผอ. สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12(นครสวรรค์) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก นายกิติพัฒน์ ธาราภิบาล  หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ว่า พบซากกวางป่า จำนวน 1 ตัว บริเวณปลักน้ำ ในพื้นที่ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ท้องที่หมู่ 24 ต.แม่เล่ย์ อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์

จึงได้สั่งการให้ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานฯ นายวีระเชษฐ์ ปุพพโก นักวิชาการป่าไม้ปฎิบัติการ และคณะเข้าพื้นที่ไปตรวจสอบพิสูจน์ซากกวางป่า ตัวดังกล่าว


ผลการตรวจเบื้องต้น พบว่าเป็นซากกวางป่า เพศผู้ ตัวเต็มวัย น้ำหนักประมาณ 180 กิโลกรัม นอนตายบริเวณในปลักน้ำ ของคลองแม่เรวา ใกล้แปลงปลูกป่าของหน่วยจัดการต้นน้ำขุนน้ำเย็น อยู่กลางป่าลึก ห่างลึกเข้าไปจากแนวเขตอุทยานฯ ประมาณ 10 กิโลเมตร

ตรวจสอบพบร่องรอยบาดแผลเป็นรอยเขี้ยวบริเวณคอ และบริเวณลำตัว และใกล้ๆกัน พบรอยตีนเสือโคร่งขนาดใหญ่หลายรอย

ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานฯ จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ WWF แจ้งเหตุและปรึกษาหารือร่วมกันเพื่อวิเคราะห์สาเหตุการตายของกวางป่า และแผนการที่จะร่วมกันเก็บข้อมูล ได้ข้อสรุปว่าสาเหตุการตายของกวางป่า เกิดจากการล่าเหยื่อของเสือโคร่งตามธรรมชาติ และจากนั้นได้ร่วมกันนำกล้องดักถ่าย camera taps จำนวน 3 กล้อง ไปติดตั้งไว้รอบซากกวางป่า เพื่อพิสูจน์ทราบ




ในวันรุ่งขึ้น ( วันที่ 12 เมษายน 2563) นายธนิตย์ หนูยิ้ม ผอ. สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12(นครสวรรค์) ได้เดินทางเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ พบว่า ซากกวางป่า เริ่มอืด ส่งกลิ่น และมีแมลงวันตอม โดยยังมองเห็นรอยเขี้ยวของเสือโคร่ง ที่ตรงคอและลำตัวของกวางป่าอย่างชัดเจน รวมทั้งจากการสังเกตุพื้นที่ พบว่าพื้นที่ขณะนี้แห้งแล้งมาก ในช่วงเส้นทางที่นั่งรถผ่าน กว่า 10 กิโลเมตร ไม่พบแหล่งน้ำเลย คงมีจุดนี้จุดเดียวที่ยังมีน้ำขังเป็นปลักโคลนอยู่ จึงเข้าใจว่า กวางป่า คงจะลงมากินน้ำ แล้วโดนเสือโคร่งที่ซุ่มเงียบอยู่ กระโจนเข้ามาล่าตอนที่กวางป้าเพลอกำลังกินน้ำ จากการสังเกตุจากร่องรอยการต่อสู้ที่ไม่เละมากนัก จึงเข้าใจได้ว่า กวางป่าได้สิ้นใจตายในเวลาไม่นานนัก หลังจากถูกเสือโคร่งกัดที่ลำคอ

จากการตรวจสอบกล้องดักถ่าย ปรากฎว่า เสือโคร่งยังไม่กล้าเข้ามาหาเหยื่อที่ล่าไว้ เนื่องจากกลัวคน พบแต่รอยเท้าใหม่รอบๆ ซากกวางป่า หลายจุด

ทั้งนี้หากถ่ายภาพได้ จะได้ทราบว่า เป็นเสือตัวใด มาจากแหล่งอาศัยถิ่นไหน เพราะขณะนี้ส่วนใหญ่แล้ว เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และเจ้าหน้าที่ WWF มีฐานข้อมูลเสือโครงในผืนป่าตะวันตกอยู่ระดับหนึ่งแล้ว

 ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2562 พบซากกระทิง ถูกเสือโคร่งล่า นอนตายอยู่บริเวณใกล้ร่องน้ำ ใกล้แคมป์แม่กระสา ของ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ซึ่งกล้องดักถ่าย สามารถถ่ายภาพได้ตามที่ได้นำเสนอมาแล้ว

จากเหตุการณ์ที่พบเสือล่าเหยื่อ ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ถึง 2 ครั้ง ในเวลาที่ไม่ห่างกันมากนักนั้น ถือได้ว่าอุทยานแห่งชาติแม่วงก์  เป็นผืนป่าที่มีความสำคัญในการจะใช้เป็นพื้นที่รองรับการกระจายของเสือโคร่งจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ซึ่งถือเป็นแหล่งผลิตเสือโคร่ง (tiger source site) ที่สำคัญของประเทศไทย ที่เป็นส่วนหนึ่งของผืนป่าตะวันตก ที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่  และมีความหลากหลายทางชีวภาพของพืชพรรณและสัตว์ป่าสูง ดังนั้นอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จึงเป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมยิ่งในการอนุรักษ์สัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างเสือโคร่งให้คงอยู่กับโลกของเราตลอดไป

ข้อมูล/ภาพ
1.นายกิติพัฒน์ ธาราภิบาล
หน.อช.แม่วงก์ สบอ. 12

2.WWF

ผู้สรุปและรายงาน
นายธนิตย์ หนูยิ้ม ผอ. สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12(นครสวรรค์)
!!!!อัมพณ/ต้อย รอบรั้วภูธร รายงาน!!!!!!
ขับเคลื่อนโดย Blogger.