ชลประทานอุตรดิตถ์ ให้งดสูบน้ำน่านทำนา ช่วยผลักดันน้ำเค็ม
นายปิยภัทร สายเมฆ ผู้อำนวยการ โครงการชลประทานอุตรดิตถ์ สำนักงานชลประทานที่ 3 กรมชลประทาน พร้อมด้วย นายมานพ สุวรรณบุตร หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน และเจ้าหน้าที่โครงการชลประทานอุตรดิตถ์ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การใช้น้ำของสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า แม่น้ำน่าน เพื่อชี้แจงและขอความร่วมมือกับเกษตรกรผู้ใช้น้ำ ให้หยุดการสูบน้ำจากแม่น้ำน่านโดยเด็ดขาด ในช่วงระหว่างวันที่ 2 -9 มีนาคมนี้ เพื่อนำน้ำช่วยในการผลักดันน้ำเค็ม ในพื้นที่บริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา พร้อมทั้งชี้แจงและแจกเอกสารการประชาสัมพันธ์ ตารางรอบเวรการสูบน้ำ ที่ได้รับความเห็นชอบจากมติของคณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อเป็นการควบคุมและกำกับการใช้น้ำไม่ให้มีการใช้น้ำเกินแผนที่กำหนด ซึ่งจะส่งผลกระทบกับ 17 จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง
โดยที่ผ่านมา โครงการชลประทานอุตรดิตถ์ ได้ทำหนังสือแจ้งถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ให้มีหนังสือแจ้งจากทางจังหวัดและจากโครงการชลประทาน ไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 13 แห่ง สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า 88 แห่ง และยังได้มีการประชุมชี้แจงให้กับกลุ่มเกษตรกรผู้ใช้น้ำ เพื่อขอให้งดและลดการทำนาปรัง ด้วยสภาวะภัยแล้ง แต่พบว่ามีเกษตรกร ที่ทำนาปรัง นอกเขตพื้นที่โครงการชลประทาน โดยอาศัยการสูบน้ำของสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าจากลำน้ำน่าน ลำน้ำปาด คลองตรอน และคลองละมุง จำนวน 120 สถานี รวมพื้นที่เพาะปลูก 157,081 ไร่ โดยเป็นพื้นที่เพาะปลูกที่สูบน้ำจากแม่น้ำน่านมากที่สุดถึง 141,491 ไร่ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่ส่งเสริมการปลูกข้าวของกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประจําปี 2562/2563
จากการลงพื้นที่ พบว่าเกษตรกรผู้ใช้น้ำและสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าของแม่น้ำน่าน ซึ่งอยู่ในความควบคุมดูแล ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งทางเกษตรกร ได้ร้องขอว่าหากมีความจำเป็นต้องใช้น้ำ จะสูบน้ำให้เป็นไปตามรอบเวรของคณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่ได้กำหนดไว้ และหากทางชลประทานมีการร้องขอให้งดสูบในช่วงที่ต้องใช้น้ำผลักดันน้ำเค็ม ก็จะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ภาพข่าวโดย นำรัก สมบัติ (อุตรดิตถ์)
โดยที่ผ่านมา โครงการชลประทานอุตรดิตถ์ ได้ทำหนังสือแจ้งถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ให้มีหนังสือแจ้งจากทางจังหวัดและจากโครงการชลประทาน ไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 13 แห่ง สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า 88 แห่ง และยังได้มีการประชุมชี้แจงให้กับกลุ่มเกษตรกรผู้ใช้น้ำ เพื่อขอให้งดและลดการทำนาปรัง ด้วยสภาวะภัยแล้ง แต่พบว่ามีเกษตรกร ที่ทำนาปรัง นอกเขตพื้นที่โครงการชลประทาน โดยอาศัยการสูบน้ำของสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าจากลำน้ำน่าน ลำน้ำปาด คลองตรอน และคลองละมุง จำนวน 120 สถานี รวมพื้นที่เพาะปลูก 157,081 ไร่ โดยเป็นพื้นที่เพาะปลูกที่สูบน้ำจากแม่น้ำน่านมากที่สุดถึง 141,491 ไร่ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่ส่งเสริมการปลูกข้าวของกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประจําปี 2562/2563
จากการลงพื้นที่ พบว่าเกษตรกรผู้ใช้น้ำและสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าของแม่น้ำน่าน ซึ่งอยู่ในความควบคุมดูแล ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งทางเกษตรกร ได้ร้องขอว่าหากมีความจำเป็นต้องใช้น้ำ จะสูบน้ำให้เป็นไปตามรอบเวรของคณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่ได้กำหนดไว้ และหากทางชลประทานมีการร้องขอให้งดสูบในช่วงที่ต้องใช้น้ำผลักดันน้ำเค็ม ก็จะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ภาพข่าวโดย นำรัก สมบัติ (อุตรดิตถ์)