นนทบุรี กลุ่มคนไร้บ้านห่วงเข้าไม่ถึงสิทธิ์เงินดิจิทัลวอลเล็ต+ขณะที่ร้านค้าชุมชนมองเป็นห่วงและประชาชนที่มีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัดจะใช้เงินยาก
นนทบุรี กลุ่มคนไร้บ้านห่วงเข้าไม่ถึงสิทธิ์เงินดิจิทัลวอลเล็ต+ขณะที่ร้านค้าชุมชนมองเป็นห่วงและประชาชนที่มีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัดจะใช้เงินยาก
เมื่อวันที่12 ก.ย.2566 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สอบถามประชาชนตามชุมชนจากกรณีรัฐบาล ประกาศนโยบายเงินดิจิตอลวอลเล็ตให้คนไทยทุกคนแต่ต้องกลับไปใช้ในรัศมี 4 กิโลเมตรใกล้บ้าน
นาย อภิเดชศิลป์ คล้ายสอน เจ้าของร้านขายของชำ เล่าว่า ถ้าเข้าถึงก็ต้องอย฿ที่ทางรัฐบาลเขากำหนดอย่างเช่น ร้านค้าที่เข้าร่วมและได้ซื้ออะไรอย่างไรบ้าง เช่นไม่ให้ซื้อของมึนเมาเหล้าบึหรี่ อย่างร้านโชห่วยก็อยากให้รัฐบาลมีมาตราการให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายและใกล้บ้าน แต่ถ้าจะไปไกลๆเช่นห้างก็อาจจะไปซื้อของอย่างอื่นไม่ใช่ของกินของใช้ในครัวเรือน ถ้าเป็นในเรื่องระบบต้องเข้าถึง ถ้ารัฐบาลเข้าไม่ถึงในระบบของร้านโชห่วยในพื้นที่ก็จะไม่ทำการกระจายรายได้ของชุมชนจะไม่เกิดขึ้น ถ้าเข้าถึงอย่างเช่นชุมชนที่แออัดประชากรเยอะ ถ้าเกิดว่ามีมาตราการที่กระกายรายได้เข้ามาในชุมชนโดยใช้เงิน 10,000 บาท ตนคิดว่าเป็นการกระจายที่ดี ในฐานะที่ตนเป็นผู้ใหญ่เลยได้สัมผัสประชาชนหลายๆพื้นที่ ตนเป็นห่วงที่สุดคือที่ต่างจังหวัด กรณีที่อยู่ต่างจังหวัด ทางรัฐบาลกำหนดระยะทางการใช้ 4 กิโลเมตร ถึงตัวจะอยู่นนทบุรี แต่ทะเบียนบ้านอยู่ที่ต่างจังหวัด ก็ต้องไปใช้ที่ต่างจังหวัด สมมุติไป1ครั้ง ยังไม่ทราบว่าให้ซื้ออะไรได้บ้าง จะต้องไปหลายครั้งหรือไม่ถึงจะใช้ได้หมด อันนี้รัฐบาลต้องทำให้ชัดเจนขึ้น และยิ่งเป็นคนแก่ผู้สูงอายุถ้าที่ต่างจังหวัด ให้ระยะทางในการใช้เงิน 4 กิโลเมตรเพราะบางที4กิโลเมตรยังไม่เจอร้านค้าเลย ตนก็ขอฝากรัฐบาลหน้าจะมีมาตราการอะไรที่ดีกว่านี้ อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นเรื่องสำคัญคนบางกลุ่มใช้โทรศัพท์ไม่เป็น ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีแอป ตนยกตัวอย่างคนจิตไม่ปกติที่ตนได้ดูแลอยู่ ถ้าเกิดรัฐบาลสนับสนุนช่วยมาเขาก็ใช่ไม่ได้หรือใช้ไม่เป็น ถ้าแบบนี้ต้องให้คนที่ดูแลซื้อของให้ตามที่เขาต้องการหรือไม่ หรือผู้สูงอายุ คนติดเตียง ผู้พิการ ผู้พิการทางสายตา ก็ต้องมีมาตราการเอื่อให้เขาด้วย มีมาตราการไว้รองรับผู้ที่ไม่สามารถออกจากบ้านได้ ตนก็ขอฝากให้ทางรัฐบาลที่คิดโครงการนี้ขึ้นมา เป็นโครงการที่ดีมากเพื่อที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจจะได้โต แต่ก็ต้องมองหลายๆมิติที่จะให้ทุกคนได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึง
เวลาต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ หอนาฬิกาท่าน้ำนนทบุรีเข้าสอบถามกลุ่มคนเร่ร่อน พบ นายสมบัตร อายุ 64 ปี เล่าว่า เงินจำนวน 10,000 ที่ทางรัฐบาลจะให้มาก็ดีแต่จะมีปัญหาเรื่องที่ต้องใช้จ่ายเงินเพราะต้องใช้เงินพายใน 4 กิโลเมตร และอีกอย่างต้องใช้ผ่านทางแอฟซึ่งตนก็ไม่มีโทรศัพท์แบบนั้นยังใช้แบบกดโทรเข้าโทรออกยังไม่มีไลน์เลยส่นมากคนที่มานอนพักที่ท่าน้ำไม่ม่โทรศัพกันทั้งนั่นถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ทางรัฐบาลจ่ายเป็นเงินสดจะสดวกกว่า
ซึ่งผู้สื่อข่าวเข้าสอบถามกลุ่มคนเร่ร่อนหายคนพูดคำเดียกันว่าใช้เงินแบบนี้ลำบากอยากได้เป็นเงินสดถ้าใช้ยากมากนักก็ไม่อยากได้เพราะส่วนมากคนเร่ร่อนจะไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน
ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต
ผู้สื่อข่าว จ.นนทบุรี