Header Ads

 


นนทบุรี/กลุ่มชาวบ้านจ.สุโขทัยร้องทนายดัง หลังฝากเงินกับสหกรณ์ดังแต่เบิกเงินตัวเองไม่ได้สูญเงินร่วมกันกว่า 170 ล้านบาท แถมถูกขู่หากเป็นข่าวเงินจะไม่ได้จะเหลือแค่สังกะสีคนละแผ่น

 




นนทบุรี/กลุ่มชาวบ้านจ.สุโขทัยร้องทนายดัง หลังฝากเงินกับสหกรณ์ดังแต่เบิกเงินตัวเองไม่ได้สูญเงินร่วมกันกว่า 170 ล้านบาท แถมถูกขู่หากเป็นข่าวเงินจะไม่ได้จะเหลือแค่สังกะสีคนละแผ่น


เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 20 ก.ย.66 ที่สำนักงานทนายคู่ใจ ถ.ติวานนท์ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี กลุ่มชาวบ้านต.ท่าชัย อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย กว่า 10 คน นำเอกสารหลักฐานเข้าร้องเรียนกับนายรณณรงค์ แก้วเพร็ช ประธานเครือข่ายรณณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ว่าพวกตนได้ฝากเงินกับสหกรณ์การเกษตรปฎิรูปที่ดินศรีสัชนาลัยจำกัด เลขที่ 13/1 ม.5 ต.ท่าชัย อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย แต่พอถึงเวลาไปถอนเงินคืนกับได้รับคำตอบว่าไม่สามารถให้เบิกถอนเงินได้ เพราะสหกรณ์ไม่มีเงินเนื่องจากนำเงินไปปล่อยกู้แล้วไม่สามารถเก็บเงินกลับคืนมาได้ จึงร่วมตัวกันเดินทางมาร้องเรียนให้ทางทนายรณณรงค์ช่วยเหลือในเรื่องคดีเพื่อติดตามเงินคืน ตอนนี้ชาวบ้านได้รับความเสียหายกว่า200 ราย ร่วมเป็นเงินกว่า 170 ล้านบาท

นายสุวภัทร นพวิบูลย์ อายุ 31  ปี หลานชายนางบัวโรย ใจชนะ อายุ 72 ปี ที่ป่วยเป็นผู้ป่วยติดเตียง กล่าวว่า ป้าของตนนำเงินไปฝากกับสหกรณ์ดังกล่าวเมื่อปี 2557 ต่อมาป้าได้เกิดล้มป่วยตนจึงเป็นผู้ดูแลตามกฎหมาย หลังจากนั้นจึงได้นำสมุดบัญชีของสหกรณ์ที่เป็นชื่อป้าจำนวน 2 บัญชีไปยื่นเรื่องเพื่อทำการถอนเงินออกมาเป็นค่ารักษา  ซึ่งมีเงินฝากอยู่ร่วมกันเป็นเงิน 304,000 บาท เมื่อปี 62 แต่ทางเจ้าหน้าที่ของสหกรณ์กับบอกกับตนว่าเบิกเงินไม่ได้เพราะสหกรณ์ไม่มีเงิน ตนพยายามสอบถามว่าทำไมสหกรณ์ถึงไม่มีเงินก็ได้รับการบ่ายเบี่ยง หลังจากนั้นจึงได้ไปถามจากชาวบ้านในต.ศรีสัชนาลัย ก็พบว่ามีชาวบ้านที่ฝากเงินกับสหกรณ์ดังกล่าวแล้วเบิกถอนเงินไม่ได้เกือบ 200 คน ร่วมเป็นเงินกว่า 170 ล้านบาท 

หลังจากนั้นจึงได้ร่วมตัวกันไปร้องเรียนที่สหกรณ์จังหวัดสุโขทัย แต่เรื่องราวก็ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด วันนี้จึงได้นัดร่วมตัวกันมาร้องเรียนกับทางทนายความให้ช่วยเหลือในเรื่องคดีความเพื่อติดตามเงินกับมาคืนให้กับชาวบ้านอย่างพวกตน เพราะตอนนี้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เงินที่เก็บออมฝากเงินมาทั้งชีวิตเพื่อไว้ใช้ยามแก่กลับไม่เหลือแล้ว

ด้านนางเรไร วงศ์ใหญ่ อายุ 58 ปี ชาวบ้านผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนฝากเงินกับสหกรณ์ดังกล่าวเพราะว่าแม่ของตนเคยฝากเงินกับสหกรณ์นี้แล้วไม่มีปัญหา ประกอบกับที่ตั้งทำการของสหกรณ์อยู่ใกล้บ้าน จึงได้เริ่มฝากเงินกับสหกรณ์ตามแม่มาตั่งแต่ปี 58 ตลอดมาจนกระทั่งปลายปี 62 เพื่อนบ้านที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันได้มาบอกกับตนว่าให้ลองไปถอนเงินกับทางสหกรณ์ดูเพราะมีข่าวว่าทางสหกรณ์ไม่มีเงินแล้วเนื่องจากมีการทุจริตกันภายใน ตอนแรกตนก็ไม่เชื่อแต่พอลองไปถอนเงินดูก็ได้รับคำตอบว่าตอนนี้ทางสหกรณ์ไม่มีเงิน อยากได้ก็ต้องรอ และถ้านำเรื่องที่เกิดขึ้นไปร้องเรียนกับสื่อก็จะไม่ได้เงินคืนแต่จะได้สังกระสีคนละแผ่น โดยตนมีเงินฝากกับสหกรณ์เป็นเงิน 2.64 ล้านบาท ทั้งหมดเป็นเงินเก็บจากการค้าขายและทำไร่อ้อยมาทั้งชีวิต แต่กลับมาถูกโกงจนตอนนี้ไม่มีเงินไปลงทุนค้าขายหรือทำไร่เหมือนก่อนต้องมารับจ้างทำงานทั่วไปแทนเพราะไม่มีเงินที่จะทำทุน จึงตัดสินใจร่วมตัวกับผู้เสียหายรายอื่นมาร้องเรียนให้ทางทนายช่วยเหลือ หากครั้งนี้ไม่สำเร็จตนก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ต่อไปทำไม


ด้านทนายรณณรงค์ กล่าวว่า ในกรณีดังกล่าวตนตั้งไว้ 3 ประเด็นหลัก คือ 1.การปลอมเอกสาร 2.ใช้เอกสารปลอม 3.ยักยอกเงินสหกรณ์ เบื้องต้นจะพาทางกลุ่มผู้เสียหายไปที่กองปราบเพราะดูแลเรื่องนี้โดยตรง ในคดีนี้ตนเข้าใจว่าคดีนี้เป็นพื้นที่สุโขทัยของเขาจึงทำให้การตรวจสอบเป็นไปได้ลำบาก เพื่อให้เกิดความยุติธรรมต้องให้หน่วยงานภายนอกเข้าไป จากการตรวจสอบพบว่ามูลค่าความเสียหายเบื่องต้นรวมกว่า 100 ล้าน โดยรายละเอียดในบัญชีตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลอะไรเลย ตอนนี้รู้ว่าเรื่องนี้มีปัญหากันมาตั้งแต่ปี 2561 ผ่านมากว่า 5 ปี ทำไมยังแก้ปัญหาให้ชาวบ้านตรงนี้ไม่ได้ ตอนนี้ก็คือทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่มีการทำอะไรเลย  ส่วนเรื่องที่จะเอาผิดกับผู้จัดการ ต้องตรวจสอบว่าผู้จัดการที่มีการปล่อยกู้ทำถูกต้องตามระเบียบของสหกรณ์หรือไม่ มีใครอนุมัติไหม ในส่วนนี้ทางสหกรณ์จังหวัดจะรู้วิธีการตรวจสอบ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ดำเนินคดีต่อ ซึ่งสหกรณ์จะมีการประชุมรายปีจะต้องเปิดเผยรายรับรายจ่ายทั้งหมดเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว จะอ้างว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลไม่ได้ ในกรณีนี้หากชาวบ้านไปแจ้งความทางสหกรณ์จะมีความผิดคือ ยักยอกทรัพย์


ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต

ผู้สื่อข่าว จ.นนทบุรี







ขับเคลื่อนโดย Blogger.