Header Ads

 


สาวร้องเพจสายไหม สามีถูกเสี่ยชื่อดังเชียงรายหลอกเงินไปกว่า 3 ล้าน แต่ยังไม่ถูกจับทั้งที่มีหมายจับ นักข่าวถูกขู่ให้ลบคลิปพนักงานคนสนิทให้ข้อมูลเสี่ยอ้างรู้จักบิ๊กโจ๊ก

 



สาวร้องเพจสายไหม สามีถูกเสี่ยชื่อดังเชียงรายหลอกเงินไปกว่า 3 ล้าน แต่ยังไม่ถูกจับทั้งที่มีหมายจับ นักข่าวถูกขู่ให้ลบคลิปพนักงานคนสนิทให้ข้อมูลเสี่ยอ้างรู้จักบิ๊กโจ๊ก


เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ผู้เสียหายภรรยาชาวสิงคโปร์ เดินทางเข้าพบนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั่งเพจสายไหมต้องรอดเพื่อให้ช่วยติดตามความคืบหน้าทางคดี หลังถูกเสียชื่อดังในจ.เชียงรายใชเดลอุบายหบอกเงินไปกว่า 3 ล้านบาท  ก่อนหนีหาย แจ้งแจ้งความจนมีการออกหมายจับแต่เจ้าตัวยังคงลอยนวล และเกรงว่าครอบครัวจะไม่ปลอดภัย เพราะเป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่ 


นายเอกภพ วันนี้ผู้เสียหายซึ่งเป็นภรรยาของชาวสิงคโปร์ เดินทางมาร้องเพจสายไหมต้องรอดว่า ถูกเสียคนดังในจังหวัดเชียงราย หลอกโดยการนำพระเครื่องมาให้เพื่อสร้างความสนิทสนมก่อนจะใช้อุบายในการหบอกเอาเงินไปกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความไว้แล้วที่สน.นิมิตรใหม่ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับในข้อหาฉ้อโกงไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้มีการจับกุมแต่อย่างใด และผู้ต้องหารยังคงมีพฤติกรรในการหลอกลวงเช่นนี้ต่อ ผ็เสียหายจึงเดินทางเข้ามาขอให้ช่วยติดตามเร่งรัดให้มีการจับกุมมาดำเนินคดี ซึ่งผู้ต้องหายังคงหลบหนีอยู่ซึ่งผู้เสียหายคาดว่าน่าจะไปหลบซ่อนตัวอยู๋กับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่  ส่วนนี้ขอยืนยันว่าใครก็ตามที่อยู่ในประเทศไทยที่อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันคงไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายไปได้ ถ้าหมายจับออกตำรวจเจอก็ต้องจับถ้าไม่จับก็โดนละเว้นการปฎิบัติหน้าที่อย่าแน่นอน


น.ส.น้ำ ( นามสมมุติ ) ผู้เสียหายเล่าว่า ตอนแรกมีการเข้ามาตีสนิท มีการนำพระมาให้ตนและสามีโดยบอกอ้างว่าบูชาแล้วจะดีอย่างนั้นอย่างนี้โดยไม่ได้เป็นการนำมาขายมีหรือเรียกเงินใดๆเป็นการนำมาให้เฉยๆ เพื่อสร้างความน่าเขื่อถือเพราะตนเข้าใจว่าการเอาพระซึ่งน่าจะมีมูลค่าสูงมาให้โดยไม่หวังอะไรคนให้ด้วยความจริงใจ กระทั่งไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ สามีตนเองต้องทำวีซ่าเพื่อรับรองบุตรซึ่งก็ได้มีการพูดคุยกันธรรมดา แต่ผู้เสียหายอ้างว่าจะดำเนินการให้เพราะมีบริษัทที่จะสามารถเอาชื่อสามีไปใส่เพื่อนจะได้ไม่ต้องต่อวีซ่ารายปี  และมีการส่งเอกสารให้จนมีชื่อสามีเข่าไปอยู่ในบริษัทของเขาจริงๆ ตอนนั้นเขาอ้างว่าการดำเนินการเรื่องวีซ่ายังไม่สำเร็จจะต้องโอนเงินเข่าบริษัท เพื่อแสดงตัวว่าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหม่จำนวน 2 ครั่ง เป็นเงิน 3 ล้านบาท ซึ่งมีการตกลงกันว่าห่กได้วีซ่าก็จะนำเงินส่วนนี้มาคืน ก่อนที่จะหายตัวไป เมื่อทวงถามไปก็ไม่ตอบ ส่วนนี้สามีกบัวว่าเขาจะเอาบริษัทที่มีชื่อสามี เป็นคณะกรรมการบริษัทไปทำอะไรไม่ดี ซึ่งอาจจะมีผลกระทบกับสามีในระยะยาว จนเวลาล่วงเลยมานานเกินไปจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความ


ที่ผ่านมาเคยพาเราไปรีสอร์ทแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย ซึ่งอ้างว่าเขาเป็นเจ้าของ และดูแลเราอย่างดีจนทำให้เราเชื่อสุดท้ายก็ถูกหลอก ตอนนี้กังวลในเรื่องความปบอดภัยเพร่ะ 2 วันก่อน มี รปภ.หมู่บ้านโทรมากา  บอกว่ามีผู้ชาย 2 คนซึ่งอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอพบ และมาวนเวียนแถวบ้าน เท่าที่ทราบเขาน่าจะมีอิทธิพลพอสมควรจึฃยังไม่ถูกจับ



นายเอกภพ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะประสานไปยังพบ.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาล รอง ผบ.ตร. ให้ช่วงลงมาดูเคสนี้เนื่องจาผู้ก่อเหตุมีการกระทำผิดหลอกลวงชาวต่างชาติซึ่งทำให้ประเทศไทยเกิดคงามเสียหายสาวนที่มีคนมาเฝ้าผู้เสียหาย

ก็คงต้องตรวจสอบ หากมีการส่งคนมาจริงก็มีความผิดฐานคุกคาม ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดา หรือเจ้าหน้าที่รัฐ การที่จะไปหาใครต้องมีความชัดเจนมากว่านี้ไม่ใช่ใส่ชุดดำมาเฝ้าแบบนี้


ทั้งนี้เมื่อวานมีพนักงานคนสนิทของเสี่ยคนนี้เดินทางมาพร้อมกับสื่อมวลชนในจ.เชียงราย เพื่อร้องเรียนกับทางเพจด้วยเช่นกัน ซึ่งตนได้แนะนำให้ไปแจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวน ซึ่งพนักงานคนนี้มีข้อมูลมากพอสมควร น่าจะเป็นประโยชน์ในทางคดีอย่างมาก และพนักงานคนนี้ยังถูกเสี่ยคนนี้หลอกเอาเงินไป โดยอ้างยืมมาลงทุนธุระกิจ แต่สุดท้ายพนักงานคนนี้ก็ไม่กล้ามาพบเพราะถูกข่มขู่ไม่ให้มาพบ


อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวว่าทางผู้สื่อข่าวที่พาผู้เสียหายเข้ามาวานนี้ถูกเบอร์ปริศนา และพนักงานสาวโทรเข้ามาขอให้ลบคลิปข่าวที่ถูกเสนอออกไปตามสื่อในภาคเหนือออก ซึ่งระบุว่าไม่ได้รีบอนุญาตให้นำเสนอข่าวทั้งๆที่ตอนแรกเป็นผู้มาให้ข้อมูลเอง





ขับเคลื่อนโดย Blogger.