นนทบุรี ชื่นชม พนักงานบริษัทรถไฟฟ้าใช้เวลาหลังเลิกงานนำต้นไม้มาวางบริจาคนำเงินไปช่วยบ้านเด็กอ่อนวันวาเลนไทน์

 

นนทบุรี ชื่นชม พนักงานบริษัทรถไฟฟ้าใช้เวลาหลังเลิกงานนำต้นไม้มาวางบริจาคนำเงินไปช่วยบ้านเด็กอ่อนวันวาเลนไทน์

    จากกรณีผู้ใช้ Facebook ชื่อ

เต้อาบูกี โพสต์ภาพขณะถือป้าย ประชาสัมพันธ์ โครงการ "น้องอิ่มท้อง"  ภายในตลาดอีกคิวซัง ระบุข้อความว่า "ต้นไม้ราคาต้นละกี่บาทก็ได้ รายได้ไปมอบให้บ้านเด็กอ่อนปากเกร็ด ขอบคุณการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 8 เย็นนี้เราเปิดร้านกันที่ ตลาดอิคคิวชัง ปิยวรารมย์ แวะเข้ามาเลือกชมต้นไม้สวยๆกันนะครับ ติดตามกิจกรรมของเราได้ที่เพจ น้องอิ่มท้อง ครับ "

   เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 15 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ตลาดนัดอิกคิวซัง ถ.บางกรวยไทรน้อย ตำบลบางบัวทอง อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี พบนายนายภัทรพันธ์ ประยูรเพชร อายุ 37 ปี อาชีพพนักงานบริษัทเอกชนรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง สวมเสื้อเขียนข้อความว่า "น้องอิ่มท้อง" ถือป้ายเขียนข้อความว่าต้นละกี่บาทก็ได้ รายได้นำไปบริจาคมูลนิธิบ้านเด็กอ่อนปากเกร็ด โดยมีพืชผักสวนครัวไม้ดอกไม้ประดับหลายชนิด วางอยู่ ด้านหน้า ให้ผู้ที่ผ่านสัญจรไปมาเลือกหยิบตามใจชอบกี่ต้นก็ได้โดย แล้วแต่จะบริจาค

    นายภัทรพันธ์ ประยูรเพชร อายุ 37 ปี อาชีพพนักงานบริษัทเอกชน รถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง เล่าว่า ตนทำงานรถไฟฟ้า อยู่ที่บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) รถไฟฟ้าสายสีม่วง ตนเอาเวลานอกเหนือจากการทำงาน หลังเลิกงาน หรือวันหยุดมาขายต้นไม้ ตนทำงานเป็นกะ วันที่จะมาขายต้นไม้จะหมุนเวียนไปเรื่อยๆแล้วแต่เวลาทำงาน จุดเริ่มต้นของโครงการนี้คือตนอยากทำวันแห่งความรักให้เป็นความรักจริงๆ และอยากแบ่งปันให้น้องๆที่บ้านเด็กอ่อนปากเกร็ดเป็นหลัก ตนตั้งใจจะทำวันที่ 14 กุมภาพันธ์ในทุกปี ซึ่งได้ทำโครงการนี้ต่อเนื่องมา 8 ปีแล้ว ตนขายต้นไม้ช่วงเดือนธันวาคม ถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ พอถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ตนจะรวบรวมเงินนำไปเลี้ยงอาหารให้น้องๆ และจะหยุดขายต้นไม้ โดยเริ่มอีกทีเดือนธันวาคมของทุกปี ตนขายต้นไม้เรื่อยๆและรวบรวมเงินเพื่อไปบริจาค ปีแรกที่ทำตนตั้งใจจะบริจาคแค่ 3,000 บาท พอช่วงใกล้วาเลนไทน์ตนเลยลองซื้อดอกกุหลาบไปยืนขายแถวถนนสีลม และรวบรวมเงินจากที่ขายดอกไม้ ปีแรกได้ 5,000 บาท โดยขายดอกไม้เพียงแค่ 2 วัน ตนนำเงินส่วนนี้ไปมอบให้เด็กๆเลยเคยรวบรวมเงินบริจาคได้มากสุดประมาณ 50,000 บาท ในแต่ละปีถ้าตนรวบรวมเงินบริจาคได้เยอะจะแบ่งไปมูลนิธิอื่น ซักประมาณ 3-4 ที่ ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ได้ อย่างของปีนี้จะนำเงินไปบริจาคที่บ้านเด็กอ่อนพญาไท โครงการนี้ตนเริ่มต้นทุนที่ 3,000 บาท และหมุนเวียนทุนไปเรื่อยๆ เพราะช่วงแรกๆขายต้นไม้ยังไม่ได้กำไร ซึ่งต้องใช้เงินตัวเองทั้งหมด แต่เพราะความตั้งใจที่จะนำเงินตรงนี้ไปบริจาคอยู่แล้วเลยเอามาทำทุนเพื่อซื้อต้นไม้ และต่อยอดสะสมเงิน ช่วงหลังๆตนขายต้นไม้ที่ตลาดอิคคิวซัง อ.บางบัวทองที่นี่ที่เดียว เพราะขายตลาดที่อื่นไม่สะดวก เจ้าของตลาดใจดี ไม่เคยคิดค่าที่เลย แถมยังช่วยบริจาคด้วย ทั้งเงิน สิ่งของ อาทิเช่น แป้งเด็ก ทิชชู่ ขนมเด็ก ของเล่นเด็ก เพื่อให้ตนนำไปบริจาคด้วย ต้นไม้ที่นำมาขายวันนี้ส่วนใหญ่จะเป็นพืชผักสวนครัว เช่น พริก มะเขือ ใบกะเพรา มะละกอ สะระแหน่ร มีไม้ประดับบ้าง เช่น ต้นไผ่กวนอิม ช้อนเงินช้อนทอง และบางครั้งก็มีดอกไม้มาบ้าง ตนจะซื้อต้นไม้แถวระแวกบางใหญ่ วันนี้เลิกงานบ่าย 3 ก็แวะไปซื้อต้นไม้ก่อนมาตั้งร้านประมาณ 4 โมงครึ่ง ตนคิดว่าจะทำโครงการนี้ต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะไม่มีโอกาสได้ทำแล้ว ตนยินดีและมีความสุข เป็นสิ่งที่ตนตั้งใจอยากจะทำให้ตัวเองมีประโยชน์ยิ่งขึ้น หลายๆคนน่าจะคิดแบบตนแต่ยังไม่กล้าออกมาทำ ถ้ามีคนออกมาทำคงมีโครงการดีๆแบบนี้เกิดขึ้นเรื่อยๆ ตนตั้งใจคอนเซ็ปต์แบบนี้ตั้งแต่ปีแรก ไม่กำหนดราคาต้นไม้ว่าเท่าไหร่ ใครพอมีกำลังจะช่วยเท่าไหร่ก็เท่านั้น เหมือนให้คนมาร่วมบริจาคและได้ต้นไม้เป็นของชำร่วยกลับไปแบบนี้มากกว่า เป็นการแลกเปลี่ยนกัน ส่วนใหญ่คนจะช่วยบริจาค 20-30 บาท หรือให้น้อยให้ต่ำกว่าทุนก็ได้ คนมีมากให้มาก มีน้อยให้น้อย เฉลี่ยกันไป ส่วนใหญ่คนให้เยอะๆ จะประมาณ 500-1,000 บาทก็มี บางคนเดินมาให้เงินอย่างเดียวฝากตนไปบริจาคโดยไม่เอาต้นไม้ก็มี ตนอยากให้คนรับรู้ว่าเราทำอะไร สื่อสารให้รู้เรื่องว่าเราทำอะไรคนก็ยินดีร่วมบริจาคไปกับเรา

   นางชาลิสา แซ่โง้ว อายุ 61 ปี ลูกค้า กล่าวว่า ตนมาเดินตลาดเพื่อซื้อกับข้าว และมาเห็นต้นไม้เลยตั้งใจมาดูมีต้นที่อยากได้เลยซื้อ มีต้นมะละกอแขกดำ ตนเอามา 2 ต้น ร่วมบริจาคไป 40 บาท มีโครงการแบบนี้ก็ดี เขาไม่ได้มาเรียกร้องเงินแตาตนก็ไม่อยากให้น้อย เกรงใจ ได้ช่วยทำบุญกับเด็กด้วย ตนมีที่อยู่เลยอยากได้ไปปลูกที่บ้าน ตนเขิน ตอนแรกไม่กล้าซื้อ แต่เห็นมีต้นไม้สวยๆเลยซื้อ

ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต

จ.นนทบุรี