ศรีสุวรรณบุกร้อง กกต.สอบทักษิณครอบงำเพื่อไทยปมค่าแรง 600 อาจถึงยุบพรรค
ศรีสุวรรณบุกร้อง กกต.สอบทักษิณครอบงำเพื่อไทยปมค่าแรง 600 อาจถึงยุบพรรค
เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยบุก กกต. ยื่นคำร้องสอบพรรคเพื่อไทย ปล่อยให้ทักษิณควบคุม ชี้นำ ครอบงำพรรคอาจรุนแรงถึงขั้นยุบพรรค
วันนี้ เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง/กกต. เพื่อขอให้ไต่สวนและวินิจฉัยเอาผิดพรรคเพื่อไทยและนายทักษิณ ชินวัตร กรณีนายทักษิณได้ไลฟ์ในวงสนทนาของกลุ่ม CARE คิดเคลื่อนไทยในหัวข้อ “จากคิดใหม่ ทำใหม่” ถึง “คิดใหญ่ ทำเป็น” เพื่อตอบโต้ผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์นโยบายพรรคเพื่อไทยปมขึ้นค่าแรง 600 บาท
ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยได้ออกมาแถลงเปิด 10 นโยบายของพรรคเพื่อไทยเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยเฉพาะนโยบายที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันมากคือการเพิ่มค่าแรง 600 บาทต่อวัน และให้ผู้ที่จบปริญญาตรีเงินเดือน 25,000 บาทภายในปี 2570 ซึ่งมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและคัดค้านกันมาก แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรียังให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่านโยบายดังกล่าวจะเอาเงินจากที่ไหนมาทำ
แต่ทว่าไม่ทันข้ามคืนปรากฏว่ามีนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นนักโทษหนีคดีอยู่ต่างประเทศ ได้ออกมาไลฟ์ในวงสนทนาของกลุ่ม CARE ตำหนิผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายเพิ่มค่าแรง 600 บาท/วันอย่างมาก โดยมีหลายคำพูดที่หลุดออกมาในลักษณะที่อาจตีความได้ว่าเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการเชื่อมโยงให้เห็นว่าการกำหนดนโยบายของพรรคดังกล่าวอาจถูกครอบงำ หรือชี้นำจากนายทักษิณได้
ทั้งนี้ตาม พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ม.28 และ ม.29 ถือว่าเป็นข้อห้ามโดยเด็ดขาด ที่ไม่ต้องการที่จะให้บุคคลซึ่งไม่ใช้สมาชิกพรรคการเมืองนั้น ๆ เข้ามาก้าวก่ายหรือชี้นำ ครอบงำ การดำเนินกิจกรรมใด ๆ ของพรรคการเมืองได้ และพรรคการเมืองนั้นๆก็จะยินยอมให้ผู้ใดซึ่งมิใช่สมาชิกพรรคได้กระทําการอันเป็นการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํา กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทําให้ พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระได้ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม
ทั้งนี้หากพรรคการเมืองนั้น ๆ ฝ่าฝืนก็อาจถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง เสนอเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยสั่งให้ยุบพรรคที่ฝ่าฝืนได้ตาม ม.92(3) และบุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคแต่ไปกระทำตัวชี้นำหรือครอบงำพรรคการเมือง ก็อาจต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 1 แสนบาทถึง 2 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และศาลจะสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้นด้วย นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด