Header Ads

 


น้ำท่วมเพิ่มแล้วเป็น10อำเภอ ระแงะหนักสุดทหารต้องลุยน้ำขนย้ายสิ่งของชาวบ้านหนีน้ำ



รายงานข่าวความคืบหน้ากรณีน้ำท่วมจากพื้นที่ จ.นราธิวาส แจ้งว่า ล่าสุดฝนยังคงตกลงมาอย่างหนักปกคลุมพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ ตั้งแต่ยังช่วงคืนที่ผ่านมา ส่งผลทำให้พื้นที่ทางการเกษตรและชาวบ้านของประชาชน รวมทั้งถนนสายหลักสายรองในหมู่บ้าน มีปริมาณน้ำท่วมขังแล้ว 10 อำเภอ คือ สุไหงโก-ลก บริเวณ ต.ปาเสมัส ยี่งอ บริเวณ ต.ละหาร ต.จอเบาะ แว้ง บริเวณ ต.โละจูด เจาะไอร้อง  บริเวณ ต.จวบ ต.มะรือโบตก เมืองนราธิวาส บริเวณ ต.มะนังต่ยอ ต.ลำภู และ ต.กะลุวอ จะแนะ บริเวณ ต.ช้างเผือก ระแงะ บริเวณ ต.ตันหยงมัส ต.บองอ สุไหงปาดี เขตเทศบาล ต.ปะลุรู ตากใบ บริเวณ ต.ไพรวัน และบาเจาะ บริเวณ ต.บาเระเหนือ รวม 15 ตำบล 65 หมู่บ้าน 

 ส่วนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักสุด คือ อำเภอแว้ง ซึ่งได้รับอิทธิพลของมวลน้ำป่าซึ่งมีต้นกำเนิดบนเทือกเขาสันกาลาคีรี ไหลลงมาสมทบลงในแม่น้ำโก-ลก ที่มีปริมาณน้ำฝนที่ตกลงสะสมจนเอ่อล้นตลิ่ง ได้ไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชน ที่ปลูกสร้างอยู่ตลอดแนวริมตลิ่งใน พื้นที่ ต.โละจูด โดยมีปริมาณน้ำท่วมขังสูงโดยเฉลี่ย 40 ถึง 60 ซ.ม. รวมทั้งได้ไหลบ่าเข้าท่วมถนนบายพาสสายโก-ลก บูเก๊ะตา ช่วงบริเวณ ต.คลอเลาะ รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านสัญจรไปมาได้ โดยให้ประชาชนเลี่ยงไปใช้ถนนสายเก่า

ส่วนพื้นที่ อำเภอระแงะ ก็ได้รับอิทธิพลของมวลน้ำป่าซึ่งมีต้นกำเนิดบนเทือกเขาตะเว ได้ไหลบ่าลงมาหมู่บ้านสาเมาะ ม.1 บ้านบองอ ม.4 ต.บองอ ซึ่งมีปริมาณน้ำท่วมขังบ้านเรือนของประชาชนตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา และมีปริมาณน้ำท่วมขังเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ล่าสุด พ.อ.ทวีรัตน์ เบญจาทิกุล ผบ.ฉก.ทพ.45 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหาร กองร้อย ทพ.4511 นำกำลังพลลุยน้ำออกไปให้การช่วยเหลือ ขนย้ายรถ จยย.และสัมภาระสิ่งของจำเป็นของชาวบ้านหนีระดับน้ำท่วมขัง

ส่วนพื้นที่ อ.สุไหงปาดี บริเวณที่มีน้ำท่วมขังหนักสุด คือ บริเวณ 4 แยกโรงเรียนมัธยมศึกษาสุไหงปาดี มีปริมาณน้ำท่วมขังเป็นวงกว้างเข้าในบริเวณโรงเรียนสูงโดยเฉลี่ย 60 ซ.ม. ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกดังกล่าว ได้ช่วยกันเข็นรถยนต์ที่จอดอยู่ในโรงรถภายโรงเรียนหนีระดับน้ำท่วม

ส่วนพื้นที่ อ.ยี่งอ มีปริมาณน้ำท่วมขังบ้านเรือนของประชาชน 5 ตำบล โดยเฉพาะถนนหน้าไปรษณียี่งอ มีน้ำท่วมขังเป็นทางยาว รถยนต์ขนาดเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้

 แต่ถึงอย่างไรก็ตามจากผลพวงของอิทธิพลฝนและมีลมกรรโชกแรงบริเวณชายหาดนราทัศน์ ต.บางนาค อ.เมืองนราธิวาส ได้พัดเอาต้นสนที่ปลูกบริเวณชายหาด หักโคนลงมาทับร้านค้าได้รับความเสียหาย จำนวนกว่า 10 ร้าน รวมถึงสายไฟฟ้าที่เกี่ยวกับกิ่งต้นสนขาด โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มาดำเนินการตัดไฟ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น แต่ยังไม่สามารถดำเนินการตัดต้นไม้ที่โคนล้มได้ เนื่องจากยังคงมีฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่อง


 นราธิวาส/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ








ขับเคลื่อนโดย Blogger.