Header Ads

 


ปทุมธานีชัชชาติพร้อมดร.ยุ้ยเข้าพบปวีณาหารือแนวทางการพัฒนาและจัดทำนโยบายเพื่อเด็กและสตรี



    เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 24 ก.พ.65 กำหนดการนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และ ดร.ยุ้ย-เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ได้เข้าพบนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เพื่อหารือแนวทางการพัฒนาและจัดทำนโยบายเพื่อเด็กและสตรีสถานที่ มูลนิธิ ปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี จ.ปทุมธานี

   ด้านนางปวีณา หงสกุล กล่าวว่า ซึ่งทางมูลนิธิปวีณาหงสกุลต้องขอขอบคุณท่านชัชชาติและดร.ยุ้ยเป็นอย่างมากซึ่งทางเราก็เคยทำงานร่วมกันอยู่แล้วังมีอีกหลายเรื่องที่สังคมต้องการการพัฒนาอย่างเร่งด่วน ขอขอบคุณ ท่านชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และ ดร.ยุ้ย-เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ที่ให้ความสำคัญกับปัญหาสังคม ดิฉันเชื่อว่าหากท่านได้เข้ามาดูแลปัญหาเหล่านี้แล้ว ท่านจะมองเห็นแนวทางการพัฒนาการแก้ไขปัญหาให้เป็นรูปธรรมจะเป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างแน่นอนนอกจากปัญหาเรื่องเด็กและสตรี มูลนิธิปวีณาฯ ยังรับเรื่องร้องทุกข์ช่วยเหลือทุกเรื่อ’ 13 ปัญหาชาติ และวันนี้ก็มี case พนง.เก็บขยะประจำรถของสำนักเขตแห่งหนึ่ง ของกรุงเทพมหานคร ขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเร่งติดตามคดีถูกรถชนขณะปฏิบัติหน้าที่จนต้องตัดขา ตำรวจออกหมายจับผู้กระทำผิดหลบหนี นางปวีณา ได้ประสาน พ.ต.อ.รัฐศักดิ์ รักสลาม รอง ผบก.น.3 วันนี้รองผู้การฯ โทรแจ้งนางปวีณาว่าสามารถจับกุมตัวได้แล้วที่จว.ขอนแก่น วันนี้จะนำตัวมาฝากขังที่ศาล โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามเงินเยียวยาจากกระทรวงยุติธรรม ส่วนกทม.ได้ให้เงินช่วยเหลือมาแล้ว

     ด้านดร.ยุ้ย-เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์  กล่าวว่าทางเราให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ตามที่ได้หารือกับท่านปวีณาตัวเลขที่เป็นปัญหาเกี่ยวกับเด็กเกิดขึ้นทุกปีขึ้นมา3%และเรามองปัญหาของเด็กเป็นปัญหาหลัก ถ้าปัญหาเกี่ยวกับเด็กเพิ่มขึ้นแล้วก็จะมีปัญหาอื่นๆตามมาซึ่งทางกทม.เป็นเจ้าบ้านก็หลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ซึ่งเราจะทำเป็นแนวป้องกันภายในชุมชนซึ่งเราก็ต้องช่วยตัวเองและทางกทม.เข้าไปมีบทบาทในการช่วยเหลือตรงนี้และอีกอย่างหนึ่งการแก้ปัญหาต้องเกิดขึ้นทันทีในหลายๆครั้งคดีที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงซึ่งเกิดขึ้นจากคนภายในครอบครัว และหลายๆครั้งผู้หญิงไม่กล้าที่จะออกมาบอกว่าว่าตนเองโดนซึ่งก็จะทำให้โดนซ้ำกันหลายๆครั้งและเราก็อยากเข้าไปช่วยเหลือเอาเข้าสู่กระบวนการเพื่อลดปัญหาสังคม

   ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กล่าวว่าสิ่งแรกที่จะทำได้เลยคือศูนย์เด็กแรกเกิดซึ่งเราลงพื้นที่ไปดูแล้วว่าทางกทม.ตั้งแต่0-3ขวบเด็กไม่มีที่เลี้ยงซึ่งแม่ลาคลอดได้เพียง3เดือนซึ่งทางกทม.ที่จะต้องเขาไปช่วยคือเด็กแรกเกิดหรือเด็กอ่อน เมื่อเข้าสู่โรงเรียนก็ดีขึ้น เรื่องที่ 2 คือเมื่อเด็กนักเรียนเลิกเรียนแล้วจนกว่าพ่อแม่จะมารับก็จะมีช่วงเวลาว่างหลายชั่วโมง แต่ถ้าครูขยายเวลาดูแลเด็กได้ก็จะปลอดภัยมากขึ้นซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญ ส่วนผู้สูงก็มีส่วนสำคัญกับชุมชนซึ่งเราอยากจะให้ผู้สูงอายุมีส่วนที่จะทำให้ชุมชนดีขึ้น และเรื่องสายด่วนก็สำคัญ และศูนย์สุขจิตก็ต้องอยู่ในนโยบายด้วยเช่นกัน








ขับเคลื่อนโดย Blogger.