Header Ads

 


ปทุมธานี เสร็จแล้วถนนกำนันเจ้าปัญหา นายกแจ๊สยกถนนทำแนวกันทันน้ำล้นเข้าชุมชน




      เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 จากกรณีที่มีกำนัน ห้ามไม่ให้ เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีในการนำแท่งแบริเออร์เข้ามากั้นน้ำ โดยกำนันให้เหตุผลว่าตนเองสูบน้ำระบายผ่านทางนี้ ทั้งที่น้ำได้ท่วมถนนจนรถเล็กวิ้งขับผ่านไม่ได้รับความสะดวกและอันตรายจากการมองไม่เห็นถนน แต่เมื่อ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ได้สั่งการให้ดำเนินการต่อเพื่อช่วยเหลือประชาชนก่อน โดยเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง หากไม่ดำเนินการรถยนต์ที่ใช้เส้นทางจะสัญจรลำบาก รถเล็กก็อาจจะไม่สามารถผ่านไปได้เนื่องจากระดับน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว         โดยวันนี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี นายสิระพงษ์ สิริโพธินันท์ รองนายก อบจ.ปทุมธานี นางรุจศลักษณ์ ธูปกระจ่าง ตั้งวงษ์เลิศ เลขานุการนายก อบจ.ปทุมธานี และคณะที่ปรึกษา ลงพื้นที่ดูความเรียบร้อยในการช่วยเหลือประชาชนหลังจากที่มีน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมผิวจราจรโดยการเอาหินคลุกมาทำแนวเสริมกันน้ำเพื่อให้รถสามารถใช้เส้นทางได้ ที่บริเวณใต้สะพานข้ามคลองลากค้อน หมู่ 3 ตำบลหน้าไม้ อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี

     ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า จากการที่เราได้เอาแท่งแบริเออร์มาลงเพื่อที่จะกันน้ำให้รถยนต์สัญจรใช้เส้นทางได้ บริเวณใต้สะพานข้ามคลองลากค้อน เมื่อเอาแท่งแบริเออร์มาแล้วพบว่ารถเครนไม่สามารถยกนำแท่งแบริเออร์ไปเรียงตามแนวถนนได้ หลังจากหารือกันกับ นายสมร แตงอ่อน สจ. จึงได้นำหินคลุกมาทำให้พื้นที่สูงขึ้นกว่าระดับน้ำ รวมถึงมีท่อระบายเพื่อให้ชาวบ้านที่สูบน้ำมาแล้วน้ำสามารถไหลลงสู่คลองลากค้อนได้เป็นการแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน หลังจากน้ำลด เราจะมาประชุมหารือกันว่าจะดำเนินการอย่างไร เพื่อเป็นการแก้ปัญหาที่ชัดเจนและเป็นการแก้ปัญหาที่ถาวรไปเลย ปัจจุบันสภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยานิ่งแล้ว แต่ไม่อีกกี่วันน้ำทะเลจะหนุนมาอีก ซึ่งที่ผมเป็นห่วงขณะนี้คือน้ำท่วมทุ่งที่มาจากคลองพระยาบันลือ น้ำท่วมเหล่านี้จะมีสารพิษจากยาฆ่าแมลงปุ๋ยและสารเคมีต่าง ๆ นา ๆ จึงขอเตือนประชาชนว่า ในช่วงนี้อย่าลงไปเล่นน้ำ อาจจะมีโรคผิวหนังที่จะตามมา รวมถึงโรคระบาดอื่น ๆ ด้วย 

     ส่วน นายสมร แตงอ่อน สมาชิกสภา อบจ.ปทุมธานี เขตอำเภอลาดหลุมแก้ว กล่าวว่า เมื่อเราได้เอาแท่งแบริเออร์มาลงพบว่ารถยกติดสะพาน นอกจากนี้ชาวบ้านได้เสนอว่าเอาหินคลุกมาลงได้หรือไม่ เนื่องจากชาวบ้านจะต้องสูบน้ำจากในทุ่งนาเพื่อที่จะระบายน้ำออกทางนี้ จึงได้ประสาน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ในการแก้ไขปัญหาร่วมกับชาวบ้านจึงได้นำหินคลุกมาเสริมผิวถนนเพื่อให้รถเล็กสามารถสัญจรไปมาได้ ซึ่งก่อนที่เราเอาหินคลุมเข้ามาระดับน้ำได้สูงจากเดิมขึ้นมา 30 เซนติเมตร แต่วันนี้ระดับน้ำได้สูงขึ้นมาถึง 40 เซนติเมตร เมื่อเราได้แก้ไขแล้วรถสามารถสัญจรได้ไม่เปียกน้ำ ในเส้นทางได้สะดวก ขอให้ประชาชนอย่าวิตกกังวล เราก็ทำให้ดีที่สุดตามที่ชาวบ้านต้องการ

     ทางด้าน นายชัยวัฒน์ อินทร์เลิศ ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า หากไม่กั้นน้ำที่เอ่อล้นจากคลองในปัจจุบันวันนี้น้ำก็จะเข้าท่วมทุ่งเรียบร้อยแล้ว ความเสียหายขอพืชผลทางการเกษตรของพี่น้องประชาชน ชาวตำบลหน้าไม้และอีก 6 ตำบลใกล้เคียงในอำเภอลาดหลุมแก้วก็จะเกิดความเสียหาย แต่พี่น้องประชาชนชาวอำเภอลาดหลุมแก้วสบายใจได้เลย ขณะนี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ได้ใช้รถแบคโฮมาทำแนวคันดินเสริมกั้นน้ำที่เอ่อล้นตลอดถนนเลียบคลองลากค้อน รวมถึงเอาหินคลุมมาลงที่ใต้สะพานเพื่อให้รถสามารถใช้เส้นทางได้ คาดว่าอำเภอลาดหลุมแก้วจะปลอดภัยจากอุทกภัยครั้งนี้โดยทีมงาน อบจ.ปทุมธานีที่ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี

      นายอดุลย์ มะหะหมัด ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ฝากถึงพี่น้องมุสลิมที่อาศัยอยู่บริเวณเลียบคลองลากค้อน ซึ่งเป็นสัปบุรุษ 3 มัสยิดด้วยกัน โดยอยู่ในพื้นที่อำเภอลาดหลุมแก้วจังหวัดปทุมธานี 2 มัสยิด และจังหวัดนนทบุรีอีก 1 มัสยิด ซึ่งประชาชนที่ใช้วิถีชีวิตที่คลองลาดค้อน โดยใช้ถนนเส้นนี้จำนวนมาก ทางพี่น้องมุสลิมของเราได้ร้องขอให้ อบจ.ปทุมธานี ดำเนินการกั้นน้ำตลอดแนวถนนเลียบคลองลากค้อน ปัจจุบันมีมวลน้ำจากจังหวัดสุพรรณบุรีและพระนครศรีอยุธยา โดย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ได้ให้ความช่วยเหลือเร่งด่วนอย่างเต็มที่ ซึ่งท่านายก อบจ.ปทุมธานี ท่านมีความเป็นห่วงพี่น้องมุสลิมและไม่ใช่มุสลิมที่ใช้ชีวิตใกล้ลำคลอง โดยวิถีชีวิตเหล่านี้ได้ใช้มาแต่โบราณ และมีความเป็นห่วงเรื่องโรคที่มากับน้ำ เช่น โรคน้ำกัดเท้า ซึ่งทาง อบจ.ปทุมธานีได้เตรียมยาไว้สำหรับมอบให้ประชาชนที่เกิดโรค ทั้งพี่น้องที่เป็นมุสลิมและพี่น้องที่ไม่ใช่มุสลิม เป็นสังคมพหุวัฒนธรรมที่นายก อบจ.ปทุมธานีให้ความดูแลอย่างเท่าเทียมกัน.





ขับเคลื่อนโดย Blogger.