Header Ads

 


 ปทุมธานี ฉุกเฉินปทุมเตรียมรับมวลน้ำ3,200 ลูกบาศก์เมตรต่อนาที บิ๊กแจ็สวางแผนป้องกันช่วยเหลือเติมที่



   เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ที่แม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณท่าน้ำวัดไก่เตี้ย ตำบลกระแชง อำเภอโคก จังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ได้ขับเรือพร้อมคณะนำถุงรอดชีพแจกให้กับบ้านเรือนที่อยู่ริมน้ำรถยนต์ไม่สามารถเข้าถึงได้พร้อมกับประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนยกย้ายของขึ้นที่สุงเตรียมตัวรับมวลน้ำเพิ่มที่เขื่อนเจ้าพระยาและเขื่อนป่าสักปล่อยมวลน้ำไหลลงเจ้าพระยารวมกว่า 3,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที 

    เนื่องจากโครงการชลประทานจังหวัดปทุมธานี ได้รับแจ้งจากกรมชลประทาน ได้ประเมินปริมาณฝนที่ตกหนักสะสมในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนบน และลุ่มน้ำป่าสัก ซึ่งคาดว่ามีน้ำหลากจากพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำ

เจ้าพระยาไหลลงเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา

อยู่ในอัตรา 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที อีกทั้งเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีปริมาณน้ำไหลลงเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น

เพื่อรักษาเสถียรภาพความปลอดภัยและความมั่นคงของเขื่อน จึงจำเป็นต้องระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

ในอัตรา 900-1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำอำเภอบางไทร

จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก่อนเข้าพื้นที่จังหวัดปทุมธานี อยู่ในอัตราประมาณ 3,000-3,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที่ ซึ่งจะทำให้กระทบกับประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่นอกคันกั้น

อำเภอสามโคก และอำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี โดยทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ได้นำเรือเหล็กจำนวน 2 ลำเตรียมพร้อมช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง ที่อาศัยอยู่ตลอด 2 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และได้นำถุงรอดชีพเพื่อบรรเทาภัยจากน้ำเอ่อล้น และยาสมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกันโควิด-19 จากวัดวัดคีรีวงก์ จ.ชุมพร มอบให้ประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม รวมถึงป้องกันโควิด-19 ไปด้วย รวมถึงให้ระมัดระวังปลั๊กไฟฟ้าหากประชาชนต้องการย้ายปลั๊กไฟสามารถประสานวิทยาลัยเทคนิคปทุมธานีจะมีทีมลงพ้นที่ช่วยเหลือ รวมถึงการซ่อมแซมอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ชำรุดจากน้ำท่วม นอกจากนี้ นายเสวก ประเสริฐสุข รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ยังได้ลงเรือเล็กเพื่อนำถุงรอดชีพไปมอบให้ประชาชนตามบ้านที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา 

     ด้าน นายชัยวัฒน์ อินทร์เลิศ ประธานสมาชิกสภาองค์หารบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีกล่าวว่า ผมและนายสมร แตงอ่อน สมาชิกสภาองค์หารบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีได้รับมอบหมายจาก พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ให้ไปติดตามสภาพน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท พบว่ามีการระบายน้ำที่แรงขึ้น 2,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีแล้ว พี่น้องประชาชนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาจะได้รับผลกระทบ น้ำจะเอ่อล้นเข้าพื้นที่อาศัย นอกจากนี้ทางด้านเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ได้ระบายน้ำ 1,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งเป็นน้ำจากการที่ได้รับผลกระทบจากใต้ฝุ่นลูกที่แล้วได้ตกบริเวณหน้าเขื่อนทั้งหมด และกำลังเร่งระบายลงแม่น้ำเจ้าพระยา ผู้ที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำจะวิกฤต พี่น้องประชาชนโปรดเฝ้าระวัดระวัง ปัจจุบันระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดปทุมธานียังอยู่ห่างจากระดับน้ำปี 2554 เกือบ 2 เมตร ทั้งน้ำมวลน้ำจากเขื่องป่าสักที่ได้ปล่อยเพิ่มมานั้นจะใช้เวลามาถึงปทุมธานีระยะเวลาประมาร 12 ชั่วโมง ส่วนน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาจะไหลมาเอ่อล้นเยอะบริเวณจังหวัดสิงห์บุรีและจังหวัดอ่างทอง เนื่องจากแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณนั้นจะแคบกว่าจังหวัดปทุมธานี น้ำจะล้นตลิ่งและเข้าท่วมพื้นที่อาศัยของประชาชน ก็หวังว่าจะไม่มีใต้ฝุ่นเข้ามาอีกจะได้รอดปลอดภัยกันทุกท่าน

     ส่วน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า ขณะนี้ผมเป็นห่วงผู้ที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งทางเขื่อนเจ้าพระยาได้ปล่อยน้ำมาถึง 2,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีตามที่ได้รับแจ้งมา ทำให้ระดับน้ำขึ้นมาสูงจากเมื่อวานมาก 50-60 เซนติเมตร วันนี้จึงได้ออกมาประชาสัมพันธ์และดูแลพี่น้องประชาชนนำถุงรอดชีพบรรเทาภัยมามอบให้ และมีทีมช่วยเหลือยกสิ่งของขึ้นที่สูง ส่วนน้ำจะเข้าท่วมพื้นที่ในคันกั้นน้ำหรือไม่นั้น ผมยังไม่หนักใจ เพราะว่าเท่าที่ผมได้ลงพื้นที่สำรวจบริเวณโรงเรียนวัดป่างิ้ว ระดับน้ำยังต่ำกว่าคันกั้นน้ำ 2 เมตร จุดไหนที่เป็นจุดบอด เราได้เตรียมแท่งแบริเออร์เตรียมกระสอบทรายเพื่อที่จะนำไปเสริม และได้ประสานโรงเรียนเทตนิคปทุมธานีเตรียมนักเรียนช่างจิตอาสาออกมาช่วยประชาชนเช่นการย้ายปลั๊กไฟเป็นต้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม และตนได้เตรียมเรือท้องแบบจำนวน 2 ลำไว้บริการและให้การช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งการขนย้ายของการเดินทางนอกเหนือจากการนำอาหารและยาไปมอบให้ประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม หลายบ้านรถยนต์เข้าไปไม่ได้ ก็ต้องเอาเรือขนถุงรอดชีพไปให้เขา เบื้องต้นจุดที่ได้สำรวจพบว่าที่วัดถั่วทองเป็นพื้นที่ลาดต่ำและพื้นที่อำเภอสามโคกฝั่งตะวันตกก็มีหลายจุดที่ต้องทำแนวป้องกัน ตอนนี้สั่งให้ สจ.ประสานให้ตรวจสอบในพื้นที่หากพบว่าจุดไหนมีระดับน้ำขึ้นสูงจะข้ามสันเขื่อนจำเป็นต้องเสริมแนวคันกั้นน้ำเราพร้อมส่งสนับสนุนทั้งเครื่องมือกระสอบทรายและแบริเออร์ ซึ่งเราเตรียมแผนช่วยเหลือไว้เต็มที่แล้ว.






ขับเคลื่อนโดย Blogger.