ข่าว.ตำรวจ ปคบ.ร่วมกับ อย.จับเครือข่ายผลิตแอลกอฮอล์เถื่อนย่าน ต.บางพลีใหญ่ มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 14 กันยายน 2564 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บด.คปบ)
สนง.คุ้มครองผู้บริโภค และ อย โดยมี พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ.
พ.ต.อ. สำเริง อำพรรทอง รอง ผบก ปคบ
ภญ. สุภัทรา
บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติการ กรณีทลายเครือข่ายผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ สำหรับทำ
ความสะอาด โดยผิดกฎหมาย สามารถตรวจยึดผลิตภัณฑ์อลกอออล์ได้เป็นจำนวนมาก สืบเนื่องจากมีประชาชนร้องเรียนว่ามีอาคารพาณิชย์ย่านถนนพหลโยธิน เขตสามเสนใน แขวงพญาไท
กรุงเทพมหานคร มีการลักลอบผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาค เนื่องจากแอลกอออล์
เป็นวัตถุไวไฟ จึงเกรงว่าจะเกิดอันตรายต่ออาการบ้านเรือนบริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับ
การปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (กก.4 บก.ปศบ.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงาน
คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้รวจสอบเรื่องร้องเรียนตังกล่าวพบการลักลอบผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์
แอลกอฮอล์สำหรับทำความละอาดโดยผิดกฎหมายจริง และจากการสืบสวนหบว่า มีเครือข่ายที่ร่วมกระทำความผิด
จำนวน 5 ราย ในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร พระนครศรีอยุธยา และสมุทรปราการ
ต่อมาเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2564 เจ้าหน้าที่จึงได้นำหมายค้นเข้าตรวจกันสถานที่ผลิตคเครื่องสำอางในพื้นที่
ต.บางพลีใหญ่ อ. บางพลี จ. สมุทรปราการ จำนวน 2 จุด สถานที่ผลิตเครื่องสำอางในพื้นที่ อ. นครหลวง จ. พระนครศรีอยุธยา
จำนวน 2 จุด และสถานที่เก็บของและจำหน่ายในพื้นที่เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 จุด สามารถตรวจยึดผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ชนิดน้ำ ชนิดเจล และชนิดสเปรย์, อุปกรณ์การแบ่งบรรจุ และขวดบรรจุภัณฑ์เปล่าพร้อมฉลาก
ผลิตภัณฑ์ อีกจำนวนมาก รวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท จึงให้ตรวจยึดส่งพนักงานสอบสวน งก.4 บก.ปคบ.เพื่อคำเนินคดีตาม
กฎหมายต่อไป
เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวอาจเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ฐานผลิต
เครื่องสำอางปลอม ผลิตเครื่องสำอางโดยไม่ใด้จดแจ้ง ผลิตเครื่องสำอางไม่มีฉลาก และผลิตเครื่องสำอางที่แสดงฉลากที่
ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญ ต้องระวางโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ภาพ/ข่าว
เอกชัย ธนปิยานนท์