Header Ads

 


 บขส.จันทบุรีเงียบเหงา หลังมีประกาศหยุดเดินรถทุกเส้นทาง



บรรยากาศที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเมืองจันทบุรี เงียบเหงา เนื่องจากทางรถร่วมบขส.ประกาศหยุดให้บริการเดินรถทุกเส้นทาง โดยเริ่มตั้งแต่วันที่21 กรกฎาคมถึง- 2 สิงหาคม 2564 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้รัฐบาลต้องเพิ่มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดขั้นสูงสุด อีกทั้งขอความร่วมมือประชาชนงดหรือชะลอการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัดที่ไม่มีเหตุจำเป็น เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดฯ ดังกล่าว ซึ่งทาง บขส.จึงแจ้งหยุดให้บริการในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคตะวันออก และภาคใต้ ทุกเส้นหรือจนกว่าจะมีประกาศคำสั่งเปลี่ยนแปลง

ทำให้สถานีขนส่งผู้โดยสารจันทบุรีเหลือเพียงรถตู้โดยสารระหว่างจังหวัดจันทบุรี-ระยอง จันทบุรี-ตราด และจันทบุรีพัทยาเท่านั้น ส่วนรถโดยที่วิ่งระหว่างจันทบุรี-กรุงเทพมหานครงดให้บริการ ส่งผลทำให้บรรยากาศเงียบเหงา ในแต่ละเที่ยวจะมีผู้โดยสารเพียง คันละ 1-2 คนเท่านั้น ซึ่งหากลูกค้าน้อยละอาจจะมีการหยุดรับผู้โดยสารชั่วคราว ซึ่งผู้โดยสารสามารถติดต่อสอบถามกับทางสถานีขนส่งก่อนการเดินทาง

ด้านนายมนต์ไชย นันทวิชัย อายุ 64 ปี คนขับรถรถตู้โดยสารเส้นทางระยอง-จันทบุรีกล่าวว่าช่วงนี้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด19 อย่างมากมาย ไม่รู้ว่าบริษัทรถจะเรียนรถกลับเข้าอู่เมื่อไหร่ เพราะโดยรวมขาดทุนอยู่แล้ว ซึ่งหลังบขส.ประกาศหยุดวิ่งรถจะเหลือเพียงรถตู้โดยสารระหว่างจังหวัดเท่านั้น ซึ่งถ้าพูดถึงมาตราการเรื่องโควิด19 ทางคนขับๆด้มีการควบคุมอยู่แล้ว การ์ดไม่ตก สวมแมสก์ตลอดเวลา มีเจลและแอลกอฮอล์เตรียมไว้ล้างมือให้ผู้โดยสารนั่งเว้นระยะห่าง 

ด้านนายธนนันท์ เวชชการ อายุ 65 ปี ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างกล่าวว่า หลังบขส.หยุดการเดินรถทาจักรยานยนต์รับจ้างได้รับผลกระทบรายได้ตกลงอย่างมาก เพราะไม่มีคนเดินทางไปไหน และจะเดินทางเมื่อจำเป็นเช่นไปพบหมอ ในหนึ่งวันได้เงินเพียงวัน 100 บาท อย่างมากลูกค้าจะนั่งจากสถานีขนส่งไปเพียงตลาดในราคา25 บาทแต่ลูกค้าจะต่อดหลือ20 บาท ก็ต้องยอมเพราะเขาก็ไม่มีเหมือนกับเรา ส่วนสิทธิ์สวัสดิการแห่งรัฐจะได้สิทธิ์คนละครึ่ง แต่ปัญหาคือจะต้องหาเงินอีก150 บาทมาใส่เข้าไปในระบบ แต่ทุกวันนี้มีรายได้เพียงวันละประมาณ 100 บาท ก็ไม่เพียงพอ จะกินข้าวก็จานละ 50 บาทแล้ว เติมน้ำมันอีก ยังไม่เพียงพอเลย จะเอาเงิน150 บาทไปเติมคนละครึ่งก็หายากมาก หากสถานการณ์ยังมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ก็ต้องให้ความร่วมมือกับรัฐบาล ถ้าสั่งอยู่บ้าน หยุดเชื้อก็ยินดีให้ความร่วมมือ อยู่บ้านอาศัยญาติพี่น้องไปก่อน เพราะเราไม่มีเงินกิน เรายอมเจ็บดีกว่าตาย ถ้ายิ่งปล่อยไว้ก็ยิ่งเสี่ยงมาก  เราออกมาทำงานแต่นำเชื้อกับไปบ้านมันไม่คุ้มกันเลย ร่วมมือกันอยู่บ้าน หยุดเชื้อดีที่สุดครับ

ภาพ/ข่าว ดนุชเดช ทองเปรม







ขับเคลื่อนโดย Blogger.