Header Ads

 


 ราชบุรี - หนุ่มราชบุรี ซื้อกล้วยด่าง 1 ล้าน โต้ไม่ได้ปั่นราคาแต่ต่อยอดทำกระเป๋า





 จากกรณี นายสุธาร สิทธิธัญญาการ ชาว กทม. ได้ขับรถนำกล้วยด่างสายพันธุ์“แดงอินโด” มาส่งให้ นายธนกร สดใส ประธานวิสาหกิจชุมชนบ้านช่างสกุลบายศรี ที่อยู่เลขที่ 85 หมู่ 6 ต.เจ็ดเสมียน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี โดยได้ตกลงซื้อขายกันในราคา 1 ชุด 1 ล้านบาท ประกอบด้วย กล้วยด่างสายพันธุ์แดงอินโด ต้นแม่ 1 ต้น พร้อมหน่อกล้วย 1 หน่อ และ ต้นเล็ก 1 ต้น รวม 1 ชุด ราคา 1 ล้านบาท ซึ่งทั้งชุดเป็นสายพันธุ์เดียวกัน 


 นายสุธาร สิทธิธัญญาการ ผู้ขาย กล่าวว่า ตนได้นำกล้วยด่างสายพันธุ์แดงอินโดเอามาส่งให้ลูกค้าที่จ.ราชบุรี ขายให้ 1 ชุด ในราคา 1 ล้านบาท ซึ่งทั้งชุดเป็นสายพันธุ์และลายเดียวกันทั้งหมด ซึ่งสายพันธุ์แดงอินโด จะมีราคาขึ้นอยู่กับความสวย และลายของใบ โดยต้นที่นำมาส่งมอบให้ลูกค้า มีลายละเอียดยิบที่ใบ โดยต้นแม่พร้อมหน่อ 1 หน่อ ขายอยู่ที่ราคา 7 แสนบาท ส่วนต้นเล็กขายอยู่ในราคา 3 แสนบาท ซึ่งที่ผ่านมาตนได้มีการเพาะพันธุ์กล้วยด่างสายพันธุ์แดงอินโด และก่อนหน้าที่เคยขายมาแล้ว 4 ต้น ต้นละ 1 ล้านบาท ซึ่งตนจะเป็นที่รู้จักกันดีในวงการกล้วยด่าง 


 ขณะเดียวกัน หลังมีกระแสของการซื้อขายกล้วยด่างสายพันธุ์“แดงอินโด” ระหว่าง นายสุธาร สิทธิธัญญาการ และ นายธนกร สดใส ประธานวิสาหกิจชุมชนบ้านช่างสกุลบายศรี จนมีบรรดาโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์ ถึงการซื้อขายนี้ว่า เป็นการจัดฉาก ปั่นราคา และถึงขั้นหาว่า"โง่" 


 ทำให้ นายธนกร สดใส ประธานวิสาหกิจชุมชนบ้านช่างสกุลบายศรี ผู้ซื้อกล้วยด่างสายพันธุ์แดงอินโด โดยได้เปิดใจกับทางผู้สื่อข่าวว่า ตนได้เปิดวิสาหกิจชุมชนบ้านช่างสกุลบายศรี ในการนำส่วนต่างๆของกล้วย มาผลิตเป็นกระเป๋าแฟชั่น หลากหลายแบบ ภายใต้แบรนด์ “ตานีแบรนด์” โดยปี 2562 ผลิตภัณฑ์ของตน ได้รับรางวัลชนะเลิศ OTOP KBO CONTEST 2019 จากกรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย จนได้รับคัดเลือกให้เป็นของที่ระลึกในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน โดยมอบผลิตภัณฑ์กระเป๋าจากกาบกล้วย ให้กับผู้นำการประชุมอาเซียน 35 TH ASEAN SUMMIT 2019 


 ส่วนการที่ตนได้ซื้อกล้วยด่างสายพันธุ์“แดงอินโด” 1 ชุด ราคา 1 ล้านบาทมานั้น เพื่อนำมาวิจัยและเพื่อการขยายเพาะพันธุ์ ส่งมอบสู่ชุมชนในเครือข่าย “ตานีแบรนด์” ให้เป็นราคาที่จับต้องได้ วันนี้เราได้ลงทุน 1 ล้านบาท แต่อนาคตมันออกลูกออกหลาน ก็สามารถแบ่งไปที่ชุมชนให้ชุมชนได้ครอบครอง แล้วนำไปปลูกส่งกลับมาให้เราแปรรูป แบบธุรกิจหมุนเวียน การนำเอาไปทำเนี่ยแต่ก็คือเราใช้นวัตกรรม ซึ่งปัจจุบันที่เราทำอยู่แล้วของตานีแบรนด์ แล้วเอาต้นไปทำเป็นทดแทนหนังก็คือเป็นกาบกล้วยเสมือนหนัง ตอนนี้เรากำลังวิจัยอยู่เป็นใบกล้วยเสมือนหนัง ซึ่งก็สามารถทำได้แต่ยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัยอยู่ เพื่อเอามาทดลองแล้วก็ทำให้มันใช้งานได้จริง 


 ซึ่ง"ใบกล้วยทดแทนหนัง" มันมีอีกหลายสายพันธุ์ที่มีลวดลายสวยงามแบบนี้ สามารถเอามาต่อยอดแล้วก็สร้างมูลค่าให้ให้กับตัวของต้นกล้วย จากล้านอาจจะเป็นหลายๆล้านตามมาก็ได้ เพราะทุกอย่างมันไม่ได้แค่ต้นกล้วยมันมากกว่ากล้วย ที่เรามาสร้างสรรค์กันในชุมชนของ ต.เจ็ดเสมียน จ.ราชบุรี ส่วนกล้วยด่างที่ซื้อมา เป็นต้นแม่ 1 ต้น พร้อมหน่อกล้วย 1 หน่อ และ ต้นเล็ก 1 ต้น รวม 1 ชุด ราคา 1 ล้านบาท แต่ต้นเล็กตนได้ขายไปแล้วในราคา 350,000 บาท ส่วนต้นแม่ตนไม่ขายเพราะตั้งใจซื้อมาวิจัยและเพราะพันธุ์ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในชุมชน 


 ถ้าทุกคนได้ศึกษาคำว่า“Circular-Economy” คือธุรกิจหมุนเวียน เป็นการหมุนเวียนสิ่งที่เรามีในชุมชน เป็นวัตถุดิบ มาทำเป็นตัวนวัตกรรมเทคโนโลยีแฟชั่นให้มันมีคุณค่า มีอัตลักษณ์ในตำบล ซึ่งต.เจ็ดเสมียน เป็นตำบลกล้วยๆไปแล้ว เพราะมีการปลูกกล้วยหลายๆสายพันธุ์เอาไว้ เพื่อเอามาทำ ตานีแบรนด์ หรือเป็นการแปรรูปเพิ่มมูลค่าจากต้นกล้วย ตั้งแต่ยอดจดโคน และการลงทุน 1 ล้านบาท ตนไม่ได้ลงทุนคนเดียว ตนรวบรวมเงินจากชุมชนวิสาหกิจชุมชน และมีการประชุมกันจนมีมติให้ซื้อต้นกล้วยด่างนี้มา เป็นการต่อยอดของชุมชนวิสาหกิจ และ ตานีแบรนด์ นั้นเอง 


 ซึ่งต่อไปพื้นที่ตรงนี้  ตนตั้งใจจะเปิดเป็น knowledge village หรือเป็นศูนย์เรียนรู้ชุมชน ซึ่งสามารถเข้ามาศึกษาสายพันธุ์กล้วย ตั้งแต่สายพันธุ์โบราณ สายพันธุ์ไม้ด่าง กล้วยด่างทั้งหมด เราจะรวบรวมสายพันธุ์กล้วยให้มากที่สุด และนำสายพันธุ์ต่างๆมาวิจัยและต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ ที่เกิดจากกล้วย ตอบโจทย์ปัจจัย 4 เพื่อสร้างปัจจัย 5 อันนี้คือสิ่งที่ตามมาใน ตานีแบรนด์ ได้สร้างสรรค์และก็วิจัยคิดค้นเอาไว้ นี่คือเหตุผลที่ตนได้สั่งซื้อกล้วยด่างสายพันธุ์“แดงอินโด” ในราคา 1 ล้าน ซึ่งไม่ได้มีการสร้างกระแส หรือมา ปั่นราคา แต่อย่างไร 


////////////////////////////////////////////////////////////////////////// 


สุจินต์ นฤภัย(เต้) จ.ราชบุรี







ขับเคลื่อนโดย Blogger.