Header Ads

 


การติดสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) เสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้า


วันที่ 16 กันยายน 2563 กองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 แถลงข่าวประชาสัมพันธ์ ประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 99 ณ อาคารศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมี พันเอก รุ่งคุณ มหาปัญญาวงศ์ โฆษกกองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 พร้อมด้วย พันเอก นายแพทย์ วิโรจน์ ชนม์สูงเนิน รองโฆษกฯ เป็นผู้แถลงข่าวฯ มีสาระสำคัญดังนี้.-
ด้วยในปัจจุบัน เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของผู้คนมากขึ้น ในบางครั้งสมาร์ทโฟนเปรียบเสมือนเป็นปัจจัยที่ 5 ของมนุษย์เลยก็ว่าได้ ทั้งนี้เพราะสมาร์ทโฟนสามารถทำให้เราเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายและรวดเร็ว รวมถึงการเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) เช่น Facebook, Twitter, Instagram และ Instant Messaging อื่นๆ ด้วย
เดิมทีมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ซึ่งต้องการการยอมรับจากผู้คนรอบข้าง ดังนั้นการที่เราสามารถเข้าถึงโซเชียลมีเดียได้ง่ายขึ้นมากในปัจจุบัน ทำให้มีความเสี่ยงในการเสพติดสื่อสังคมออนไลน์ได้ง่ายขึ้นมากตามไปด้วย
เราสามารถสังเกตตนเองว่ามีอาการของโรคติดสื่อสังคมออนไลน์นี้ ได้จากลักษณะอาการหลายประการที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะพบปัญหาการติด Social Media และอาจก่อให้เกิดภาวะของโรคซึมเศร้า, โรคเครียด, วิตกกังวล, สมาธิสั้น และไบโพลาร์ได้ เนื่องจากการจดจ่ออยู่กับสมาร์ทโฟนหรือโซเชียลมีเดีย เป็นเวลานานตลอดวัน จะทำให้มีเวลาในการพักผ่อนน้อยลง และเกิดการฝังตัวเองในโลกออนไลน์มากเกินไปจนตัดขาดจากผู้คนรอบข้าง
ผู้ป่วยบางรายใช้ชีวิตในโลกสมมติมากกว่าโลกแห่งความเป็นจริงเสียอีก สามารถเริ่มต้นตรวจสอบอาการตนเองได้ ดังนี้.-
1. อยู่กับโซเชียลมีเดีย มากกว่าที่ตั้งใจไว้
2. ช่วงเวลาที่ไม่ได้ใช้โซเชียลมีเดีย มักจะมีอาการกระวนกระวายใจหรือหงุดหงิด
3. หากเราพยายามที่จะควบคุมการเข้าถึงโซเชียลมีเดียของตัวเอง แต่ไม่สามารถควบคุมได้
4. คิดถึงโซเชียลมีเดียอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่ก็ตาม
5. เวลาที่เครียดมักจะใช้โซเชียลมีเดีย เพื่อคลายเครียด
6. มีการโกหกหรือปิดบัง เพื่อที่จะได้เล่นโซเชียลมีเดีย
7. โซเชียลมีเดียเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาการทำงาน หรือเกิดปัญหาความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิด
ลักษณะอาการเหล่านี้เป็นตัวชี้บอกได้ว่าสื่อสังคมออนไลน์เริ่มมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันแล้วตัวเราเองสามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดสื่อสังคมออนไลน์ได้ในเบื้องต้น ได้แก่ พยายามจำกัดเวลาการใช้โซเชียลมีเดียให้ลดลงหรือกำหนดเวลาให้แน่ชัด โดยสามารถใช้การตั้งเตือนก่อนที่จะครบเวลาที่กำหนดช่วยด้วย และพยายามหากิจกรรมอื่นทำ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เช่น งานอดิเรกที่สนใจ การออกกำลังกาย การพบปะเพื่อนหรือญาติ การไปท่องเที่ยว การหากิจกรรมคลายความเครียด เป็นต้น
ในการนี้ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 มีความห่วงใยต่อข้าราชการทหาร ในสังกัดกองทัพภาคที่ 3 และพี่น้องประชาชน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ซึ่งหากพบว่าตนเองหรือคนรอบข้างมีอาการของ Social Addiction ดังกล่าวข้างต้น แล้วไม่สามารถจัดการกับตัวเองด้วยวิธีเบื้องต้นได้ ก็ควรนัดหมายเข้าพบแพทย์ได้ ณ โรงพยาบาลทหารทั้ง 10 แห่งในพื้นที่ภาคเหนือ หรือโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขใกล้บ้าน เพื่อคัดกรอง วินิจฉัย และรักษาปัญหา Social Addiction และโรคร่วมอื่น ๆ ต่อไป






 

ภาพ/ข่าว อัมพณ​ จับศรทิพย์​

ขับเคลื่อนโดย Blogger.