อุทัยธานี เล่นเอาเหนื่อย!!หญิงคลั่งลั่นไม่ยอมลงจากบ้าน กู้ภัยอุทัยธานีร่วมกับเจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าจับหลังไล่ขว้างรถชาวบ้านที่สัญจรไปมา ชาวบ้านหวั่นกลัวได้รับความเสียหาย หมู่ 5 บ้านป่ากระท้อน ต.น้ำรอบ อ.ลานสัก

เมื่อเวลา 16.00.ของวันที่ 13 ก.ค.63 สถานีตำรวจภูธรลานสักได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีหญิงคลั่งไล่ขว้างรถชาวบ้านที่สัญจรไปมา หลังจากที่ได้รับแจ้ง ร.ต.อ.พรไพรสนธ์ กลัดเฟื่อง รอง สว สอบสวน สภ.ลานสัก พร้อมสายตรวจตำบลน้ำรอบ กู้ภัยอุทัยธานี จุดลานสัก รีบรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมนำอุปกรณ์เหล็กง่ามไปยังบ้านที่เกิดเหตุ หมู่ 5 ต.น้ำรอบ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี พบเป็นบ้าน 2 ชั้น บ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ ผู้ก่อเหตุเป็นหญิง ปิดประตูบ้านเงียบ พบรองเท้า 1 คู่ ที่ถอดอยู่ที่หน้าบ้าน แต่ผู้ก่อเหตุไม่ยอมลงมา เจ้าหน้าที่เร่งเรียกกล่อมให้ลงมาแต่ผู้ก่อเหตุไม่ยอมลงมาจากตัวบ้าน เจ้าหน้าที่พร้อมกู้ภัยยังเฝ้าระวังอยู่บริเวณหน้าบ้านของผู้ก่อเหตุ หลังจากผู้ก่อเหตุได้นำสิ่งของขว้างปารถที่สัญจรไปมาบนท้องถนนจนทำให้ชาวบ้านระแวกนั้นได้รับความเสียหายหวั่นกลัวผู้ก่อเหตุ จะมาก่อเหตุกับชาวบ้านอีกครั้ง หลังจากเจ้าหน้าที่พร้อมกู้ภัยจุดลานสักได้นำกำลังมาที่บ้านหญิงผู้ก่อเหตุแล้วเมื่อช่วงเช้าของวันเดียวกัน แต่ผู้ก่อเหตุก็ไม่ยอมลงมาจากตัวบ้าน จึงไม่สามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้ เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่นั้นไม่สามารถเข้าไปในบ้านของหญิงคลั่งผู้ก่อเหตุได้เพราะจะมีความผิดฐานทางมาตราบุกรุกได้ เพราะหญิงผู้ก่อเหตุนั้นไม่ได้ก่อคดีร้ายแรงจึงทำการพูดคุยและเกลี้ยกล่อม ให้ผู้ก่อเหตุลงมาจากตัวบ้าน ทั้งนี้ผู้ก่อเหตุก็ยังไม่ยอมลงมา ส่วนเจ้าหน้าที่จึงได้คอยเฝ้าระวังผู้ก่อเหตุพร้อมสังเกตุการณ์ให้กับชาวบ้าน หวั่นผู้ก่อเหตุจะทำการก่อเหตกับชาวบ้านุอีก

ทราบต่อมาว่าผู้ก่อเหตุชื่อ นางศรัญญา ปิ่นโต (เรณู)อายุ 41-42 ปี ได้อยู่บ้านหลังดังกล่าวคนเดียวลูกๆต่างไปทำงานที่ต่างจังหวัดหมด ก็จะเหลือแค่ผู้ก่อเหตุอยู่บ้านเพียงคนเดียวในบ้านหลังดังกล่าว หลังจากที่ได้สอบถามไปยังชาวบ้านแถวนั้นได้เล่าว่าเมื่อช่วงเช้าผู้ก่อเหตุได้ก่อเหตุนำสิ่งของขว้างรถประชาชนที่สัญจรไปมา และยังทำลายข้าวของตนเองภายในบ้านและบ้านใกล้เรือนเคียงก่อให้เกิดความเสียหาย ทำให้ชาวบ้านนั้นได้รับความเดือดร้อนหวั่นกลัวผู้ก่อเหตุจะมาก่อเหตุกับตนเองและชาวบ้านแถวนั้น อยากจะให้เจ้าหน้าที่นำผู้ก่อเหตุไปตรวจรักษาสุขภาพจิต เพราะผู้ก่อเหตุ ก่อเหตุดังกล่าวมาแล้ว 2 ครั้ง หวั่นถ้านานวันผู้ก่อเหตุจะก่อเหตุร้ายแรงกว่านี้แล้วจะรักษาสุขภาพจิตใจไม่ทัน และคนอื่นจะได้รับความเดือดร้อนกันอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่จะคอยเฝ้าระวังพร้อมเร่งเกลี้ยกล่อมผู้ก่อเหตุลงมาจากตัวบ้านเพื่อพูดคุยพร้อมนำตัวไปรักษาสุขภาพจิตที่โรงพยาบาลและนำตัวผู้ก่อเหตุไปตรวจหาสารเสพติดกับผู้ก่อเหตุดังกล่าว