สั่งเด้ง จนท.ถ้ำหลวงเรียกเงิน 7 หมื่นเข้าทำงานอุทยานฯ

วันที่ 25 พ.ค.63 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย น.ส.ไก่(นามสมมุติ)อายุ 26 ปี พร้อมแฟนหนุ่ม ซึ่งเป็น 1 ใน 2 เจ้าทุกข์  เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.หญิงชลธิชา ธรรมสอน สารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองเชียงราย เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติ่มจากกรณีที่ก่อนหน้าในวันที่ 23 พ.ค.63 ได้เคยเดินทางมาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.แม่สาย  และ สภ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ว่าได้ถูกกลุ่มคนเป็นชาย 1 คน ใช้ชื่อ ลุงพันธ์ และหญิง 1 คน ใช้ชื่อเจ๊นก  ซึ่งทำงานอยู่ในอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน (เตรียมการ) ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงรายโดยกลุ่มคนดังกล่าวได้เรียกรับเงินรายละ 70,000 บาท อ้างว่าเพื่อแลกกับการช่วยให้เข้าทำงานในอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวงฯ โดยในวันนี้ทางผู้เสียหายมีอาการที่ผ่อนคลายลงจากครั้งก่อนที่เดินทางมาพบกับพนักงานสอบสวนโดย   น.ส.ไก่ (นามสมมุติ) แฟนของเจ้าทุกข์ กล่าวว่า หลังได้จ่ายเงินค่าวิ่งเต้นเข้าทำงานในอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวงฯ เรียบร้อยแล้วแฟนหนุ่มของตนก็ได้ลาออกจากงานเพื่อเตรียมตัวทำงานกับอุทยานฯ แต่เมื่อทราบว่าถูกหลอกก็พยายามเจรจาและเมื่อตกเป็นข่าวปรากฎว่าวันที่ 22 พ.ค.ทาง Ttv online ในวันที่ 23 พ.ค.63 แฟนของตนเองจึงได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานและมีการเจรจากับบุคคลที่อ้างว่าสามารถฝากให้เข้าทำงานอุทยานถ้ำหลวงได้ แต่เมื่อวาน(25 พ.ค.63 เวลา 11.55 น.และ 12.55 น. เจ๊นกและลุงพันธ์ ได้มีการโอนเงินคืนให้กับแฟนของตนทั้งหมดแล้ว ดังนั้นโดยส่วนตัวก็ถือว่าไม่ติดใจเอาความใดๆ แต่ก็ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ขอเตือนให้ผู้ที่อาจจะตกเป็นเหยื่อได้ระมัดระวังอย่าได้หลงถูกหลอกเหมือนกับแฟนของตนอีกไม่เช่นนั้นจะเดือดร้อนหนักและอาจไม่โชคดีได้เงินคืนเหมือนกรณีครอบครัวของตนก็ได้
      ขณะเดียวกันสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 เชียงราย ได้ตั้งคณะกรรมการจำนวน 4 ท่าน เพื่อทำการสอบข้อเท็จจริงในกรณีเจ้าหน้าที่เข้าไปพัวพันวิ่งเต้นเข้าทำงานที่อุทยานถ้ำหลวงฯ   ซึ่งในวันนี้(25 พ.ค.63) ได้มีประชุมกรอบทำงานในการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการทางวินัยและอาญากับผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งยังอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงจึงได้มอบหมายให้นายกวี ประสมพล หัวหน้าวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนพร้อมเจ้าหน้าที่นิติกรของกรมอุทยานฯ  ไปลงบันทึกประจำวันกับพนักงานสอบสวน สภ.แม่สาย และ สภ.เมืองเชียงราย ไว้เป็นหลักฐานก่อน นอกจากนี้ได้มีคำสั่งให้ย้าย น.ส.ฤทัยวรรณ ปฏิเสน พนักงานราชการสังกัดอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวงฯ ไปประจำที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 เชียงราย ในช่วงที่มีการตรวจสอบแต่ให้ไปอยู่ที่สวนรุกขชาติโป่งสลี อ.เมืองเชียงราย ชั่วคราว

      สำหรับผลการตรวจสอบเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ทราบว่าได้มีขบวนการที่ก่อเหตุหลอกลวงคนว่าจะสามารถช่วยให้ทำงานในอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวงฯ จริง โดยเป็นหญิง 1 คนและชาย 1 คนโดยกรณีฝ่ายชายเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้และเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งๆ แรกช่วงเดือน ก.ย.2562 เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งมีผู้แอบอ้างดังกล่าวเหมือนกันทำให้สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 เชียงราย ได้มีประกาศแจ้งเตือนมาครั้งหนึ่งแล้วแต่ไม่ปรากฎตัวผู้เสียหายทำให้เรื่องเงียบหายไป กระทั่งครั้งนี้มีผู้ไปแจ้งความร้องทุกข์ 2 ราย ทางอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวงฯ จึงได้มีการประกาศเมื่อวันที่ 14 พ.ค.2563 แจ้งข้อเท็จจริงกับประชาชนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้พบว่ามีการเปิดตู้ ปณ.ที่ อ.แม่สาย เพื่อให้เจ้าทุกข์ได้ส่งเอกสารเกี่ยวกับขอเข้าทำงานในอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวงฯ ด้วย ประกอบกับทางเจ้าหน้าที่ได้สอบถามเจ้าทุกข์บางรายทำให้มีหลักฐานมากกว่าเดิม ทางนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สั่งการให้นายกมลไชยตรวจสอบอย่างเข้มงวดเพราะถือว่าสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์
       นายกมลไชย คชชา ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15   เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวถือเป็นขบวนการหลอกลวงที่ไม่มีข้อเท็จจริงเพราะปัจจุบันอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวงฯ หรือแม้แต่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 ไม่ได้มีการเพิ่มอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ที่จะให้เข้ามาทำงานแต่อย่างใดจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะรับสมัครคนเข้าไปทำงาน นอกจากนี้เมื่อสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องและพบว่าผู้กระทำการดังกล่าวได้เปิดตู้ ปณ.รับเรื่องจากเจ้าทุกข์เอาไว้ด้วยทำให้มีหลักฐานจึงได้โยกย้ายเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว และตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงซึ่งได้ให้เวลาคณะกรรมการรายงานผลภายใน 7 วัน ปัจจุบันผ่านมาแล้ว 2 วันปรากฎว่าทางคณะกรรมการต้องใช้เวลารวบรวมพยานจำนวนมากเพราะทราบว่ามีการเปิดกลุ่มไลน์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เกือบ 100 คนจึงขอเลื่อนเวลาออกไปอีกเล็กน้อย ซึ่งผลที่ได้ก็จะนำมาดำเนินการทางวินัยและอาญาตามที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ จะพิจารณาดำเนินการต่อไป

ภาพ/ข่าว  จักรภัทร แสนภูธร - รมณ ภัทรทองศักดิ์  รายงาน