ชลบุรี - ทลฉ. จัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นภาคเอกชน (Market Sounding) สำหรับการให้เอกชนร่วมลงทุน โครงการท่าเทียบเรือ A1
ที่ห้องประชุม Dockyard 3 โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีท ศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ว่าที่ร้อยตรี รัฐกร เขียวไพศาล นักบริหาร 16 ประจำผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง เป็นประธานเปิดงานสัมมนา โครงการศึกษาและวิเคราะห์ โครงการตามข้อกำหนดในพระราชบัญญัติการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 โครงการท่าเทียบเรือ เอ1 โดยมีคณะผู้บริหารท่าเรือแหลมฉบัง ,ผู้ประกอบการในท่าเรือแหลมฉบัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมงานในครั้งนี้
ว่าที่ ร.ต.รัฐกร กล่าวว่า การจัดสัมมนาในครั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อทดสอบความเข้าใจ ,ความพร้อมของภาคเอกชน รวมทั้งข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ เพื่อเป็นข้อมูลการประกอบการศึกษาโครงการท่าเทียบเรือ เอ 1 เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของรัฐบาล และกระทรวงคมนาคม
สำหรับท่าเทียบเรือ เอ 1 นั้น เป็นท่าเทียบเรือรองรับเรือชายฝั่งและเรือท่องเที่ยว ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในเร็วๆนี้ โดยก่อนจะสิ้นสุดสัญญาจึงต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 เพื่อให้ถูกต้องตามกฎระเบียบของรัฐบาล
ว่าที่ ร.ต.รัฐกร กล่าวถึง ทิศทางการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังในปัจจุบันและอนาคตนั้น ซึ่งปัจจุบันท่าเรือแหลมฉบัง ที่ท่าเรือเฟส 1-2 ที่รองรับตู้สินค้าได้ทั้งสิ้น 11 ล้าน TEU โดยมีทั้งเรือท่องเที่ยว ,เรือขนส่งตู้สินค้า และในอนาคตอีก 4 ปีข้างหน้านี้จะมีการเปิดท่าเรือ เฟส 3 ที่จะสามารถรองรับตู้สิ้นค้าได้เพิ่มขึ้นอีก 7 ล้าน TEU รวมทั้งสิ้น 18 ล้านTEU โดยจะรองรับเรือสินค้าที่มีขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้น เช่น เรือซุปเปอร์โพสพาราแม็ก ที่ใหญ่ท่าสุดระดับโลกก็สามารถเข้าได้
นอกจากนั้นในพื้นที่เฟส 3 ยังมีเส้นทางรถไฟ ที่สามารถเข้าได้ทั้ง 2 ด้าน ทั้งด้านฝั่งซ้าย คือ ท่าเรือ F และด้านฝั่งขวา คือ ท่าเรือ E ซึ่งเส้นทางรถไฟที่ดำเนินการนั้นจะรองรับตู้สินค้าได้จำนวน 4 ล้านTEU จะเป็นการลดต้นทุนด้านโลเจตสิกส์ ได้เป็นจำนวนมาก
ว่าที่ ร.ต.รัฐกร กล่าวต่อไปว่า สำหรับท่าเรือแหลมฉบังนั้น จะรองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ด้านเรือสินค้า ,ด้านรถไฟ นอกจากนั้นยังได้พัฒนาการลดมลพิษทางอากาศ (กรีนพอร์ต) ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว