Header Ads

 


ชลบุรี – ท่าเรือแหลมฉบัง ประชุมเร่งแก้ปัญหา รองรับเรือสำราญ เข้าเทียบท่าจำนวนมาก

 

   ที่ห้องประชุม 1 อาคารบริหารท่าเรือแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ว่าที่ร้อยตรี รัฐกร  เขียวไพศาล  นักบริหาร 16 ประจำผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ปฎิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง พร้อมด้วยนายวีรชาติ พุทธรักษา  ผู้ช่วยผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้บริหารกองต่างๆ ร่วมประชุมการรองรับเรือสำราญ เทียบท่า ณ ท่าเรือแหลมฉบัง  โดยมีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ,ผู้ประกอบการในท่าเรือแหลมฉบัง และ บริษัทเอเยนซี่ เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้
 
ด้านนายวีรชาติ   กล่าวว่า  ในช่วงนี้เป็นช่วงไฮซีซั่น จึงมีเรือสำราญจากต่างประเทศเข้ามาที่ท่าเรือแหลมฉบังจำนวนมากกว่าจำนวนท่าที่เรามีท่าเทียบเรืออยู่ จึงได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยผู้ประกอบการท่าเทียบเรือ  เอเย่นเรือโดยสาร เจ้าท่า และท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกัน
 
สำหรับท่าเรือแหลมฉบังนั้น  มีท่าเทียบเรือที่จะรองรับเรือสำราญเพียง 1 ท่า คือ ท่า A1 หากเรือสำราญเข้ามาเทียบท่ามากกว่า 1 ลำ จะทำให้เรืออีก 1 ลำ ไม่มีที่จอด ดังนั้นท่าเรือแหลมฉบังจะต้องประสานผู้ประกอบการท่าเรือตู้สินค้าต่างๆในท่าเรือแหลมฉบัง ช่วยรองรับเรือสำราญดังกล่าวด้วย  นอกจากนั้นยังมีท่าเรือเอกชนที่อยู่ภายนอกท่าเรือแหลมฉบัง  ซึ่งตัวแทนเรือสำราญจะต้องประสานเองโดยท่าเรือแหลมฉบังจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
 
นอกจากนั้นยังมีพื้นที่ ที่พัทยา ที่เรือสำราญสามารถจอดทอดสมอได้ โดยจะมีเรือไปรับ-ส่งนักท่องเที่ยวมาขึ้นฝั่ง และท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ ซึ่งมีโครงสร้างพื้นฐานในการรองรับเรือสำราญในระดับหนึ่ง  
 
“ท่าเรือแหลมฉบัง พร้อมให้การช่วยเหลือ เพื่อให้เรือสำราญสามารถมีท่าเรือในการรองรับ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศ และจังหวัดชลบุรี แต่บางเรื่องที่ ผู้ประกอบการ เรือสำราญร้องขอที่เกี่ยวข้อกฎหมาย ท่าเรือแหลมฉบังก็พร้อมจะยืดยุ่นในบางเรื่องได้ ” นายวีรชาติ กล่าว

นายวีรชาติ  เผยต่ออีกว่า เรือสำราญที่เข้ามาเทียบท่าที่ท่าเรือแหลมฉบัง โดยเฉพาะท่าเรือ A1 นั้น มีประมาณ 60  เที่ยว แต่สามารถรองรับได้เพียง  40 เที่ยว ส่วนที่เหลือได้กระจายไปยังท่าเทียบเรือต่างๆ  และในแต่ละปีจำนวนเรือสำราญที่มาเทียบท่า ก็มีจำนวนใกล้เคียงกัน เพียงแต่ในช่วงไฮซีซั่นนั้นจะวุ่นวายบ้าง หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่ภาวะปกติ

 
ด้าน นายวัฒนา  โชคสุวณิช  กรรมการผู้จัดการบริษัท อี.เอ.เอส. มาริไทม์เอเยนซี(ไทยแลนด์) จำกัด  กล่าวว่า  เรือสำราญที่เข้ามาเทียบท่าที่ท่าเรือแหลมฉบัง ในช่วงนี้มีจำนวนมาก ท่าเรือแหลมฉบังไม่สามารถรองรับได้เพียงพอ  จึงมีได้ทำหนังสือร้องขอให้ มีแก้ไขปัญหา ดังกล่าว  วันนี้ผู้บริหารท่าเรือแหลมฉบัง จึงได้มีหารือร่วมกัน เพื่อวางแผนในระยะยาว และป้องกันปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น
 
“ประเทศไทย ยังขาดสาธารณูปโภคและสาธารณูประการในการรองรับเรือสำราญซึ่ง เรื่องนี้ทางรัฐบาลจะต้อง ให้ความสนใจและมีท่าเรือสำราญในการรองรับ ที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะหากมีท่าเรือสำราญในการรองรับเรือ ก็จะสร้างรายได้ให้กับประเทศเพิ่มมากขึ้น ” นายวัฒนา กล่าว
 
นายวัฒนา กล่าวว่า  ในความเป็นจริงแล้ว ประเทศไทยควรมีท่าจอดเรือสำราญ เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ก็ยังไม่เกิดขึ้น จึงทำให้เรือสำราญต้องไปอาศัยท่าเรือขนส่งสินค้า ซึ่งท่าเรือสินค้าก็มีเรือขนส่งตู้สินค้า ประจำอยู่แล้ว โดยจะต้องไปเบียดการขนส่งตู้สินค้าให้กับเรือสำราญ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง  
 
“หากมองถึงรายได้ที่จะเข้าประเทศ ด้านการท่องเที่ยว ได้มีการวางแผนล่วงหน้า 1-2 ปี ถ้าประเทศไทยมีท่าเรือต้นทาง ก็สามารถวางแผนด้านการท่องเที่ยวได้ในช่วงเวลาดังกล่าว เช่น  โรงแรมจะรู้ว่ามีผู้เข้ามาพักอาศัยเท่าไร สนามบินก็จะรู้ว่ามีเที่ยวบินจำนวนเท่าไร ซึ่งเป็นการวางแผนงาน เพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศ อย่างมหาศาล” นายวัฒนา  กล่าว


ขับเคลื่อนโดย Blogger.