Header Ads

 


ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วม สบส., อย. รวบขบวนการรักษามะเร็งทิพย์

 



ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วม สบส., อย. รวบขบวนการรักษามะเร็งทิพย์

อวดอ้างสรรพคุณยา-พลังวิเศษ รักษาประชาชน

วันที่ 26 ตุลาคม 2566 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., เจ้าหน้าที่

ตำรวจ ปคบ. โดยการสั่งการของ พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., 

พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ผบก.ปทส., พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ, พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว, พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ 

รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.4 บก.ปคบ., พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.5 บก.ป., พ.ต.อ.ภัทราวุธ 

อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ปทส., พ.ต.อ.ปราโมทย์ โพธิ์พันธุ์ ผกก.สภ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี, กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ 

โดย นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุน

บริการสุขภาพ, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดยนายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รักษาราชการแทนเลขาธิการ

คณะกรรมการอาหารและยา และ ภญ.อรัญญา เทพพิทักษ์ ผอ.ศูนย์จัดการเรื่องร้องเรียนและปราบปรามการกระทำ

ผิดกฎหมายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติการทลายขบวนการรักษามะเร็งทิพย์อวดอ้าง

พลังวิเศษ และสรรพคุณยาเกินจริง จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 6 ราย ตรวจยึดของกลาง 104 รายการ 

มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท

สืบเนื่องจากกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค

ได้รับการแจ้งเบาะแสจากประชาชนให้ตรวจสอบพฤติกรรมของพระนรสีห์วัดเขาพระครุฑ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี 

เนื่องจากมีพฤติกรรมเปิดวัดเป็นสถานที่รักษาโรคให้กับประชาชนทั่วไป และมีการเรียกเก็บค่ายาในราคาสูง โดย

ยาที่ขายให้กับผู้เข้ารับการรักษาเป็นยาชนิดแคปซูล ไม่มีฉลาก เข้าข่ายเป็นการหลอกลวงให้ประชาชนหลงเชื่อ และมี

การเผยแพร่การรักษา และการเชิญชวน ให้ประชาชนทั่วไปเข้ารับการรักษาผ่านทางเพจ เฟซบุ๊กชื่อ “สำนักพระ

กรรมฐานศากยาราม” (https://www.facebook.com/Sakayaram)

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.๔ บก.ปคบ. จึงได้ทำการตรวจสอบเพจเฟซบุ๊กดังกล่าว พบว่า ได้มีการโพสต์รูปภาพ 

วีดีโอการรักษาโรค และข้อความสื่อให้ประชาชนโดยทั่วไปเข้าใจว่า พระนรสีห์ฯ กับพวกสามารถตรวจรักษา 

โรคมะเร็งโรคเบาหวาน โรคร้ายแรงอื่นๆ หายขาดใน 1-3 เดือน ได้ อีกทั้งมีการโพสต์ข้อความโอ้อวดสรรพคุณการ

รักษาโรคของผลิตภัณฑ์“มหาโอสถหลวงพ่อนรสีห์” (หงส์เกี้ยวมังกร, ตะวันฉาย, เลือดมังกร และ จันทร์ฉาย) ว่ามี

สรรพคุณการรักษาโรคครอบจักรวาล อาทิ เช่น “สกัดจากสมุนไพรความเข้มข้นของตัวยาสูงกว่าผงสมุนไพรบด

ธรรมดาถึง ๑๐ เท่า,ล้างสารพิษ, เสริมภูมิต้านทาน, ปวดเข่า, ปวดข้อ, ปวดขา, ปวดหลัง, หมอนรองกระดูก, เก๊าท์, 

ลดบวม, ลดการอักเสบ, กรดไหลย้อน, โรคตับ, โรคไต, โรคหัวใจ, ปอด, เส้นเลือดตีบ, ไขมันอุดตัน, โรคระบบสมอง 

โรคมะเร็ง, โรคไตวาย, โรคเบาหวาน, โรคอัลไซเมอร์, ประสาทเสื่อม, กระตุ้นการทำงานของภูมิต้านทานโรค และคืน

ความหนุ่มสาว” เป็นต้น

อีกทั้งมีการโพสต์ที่มาของวิชาการรักษาโรคมะเร็งว่าค้นพบจากการกรรมฐานรักษาสุนัขชื่อ ปีใหม่ ที่ป่วยเป็น

มะเร็งจนหาย เพื่อให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจตนว่ามีพลังวิเศษในการรักษาโรค เป็นการอาศัยความเชื่อ ความศรัทธาทางศาสนา และนำความหวาดกลัวความทุกข์ของประชาชนที่เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ มาเป็นเครื่องมือ ซึ่งประชาชน

กลุ่มดังกล่าวอยู่ในภาวะที่อ่อนไหวและอาจหลงเชื่อ เข้ารับการรักษาจนได้รับความเสี่ยงต่อการวินิจฉัยโรค

ที่ผิดพลาด รักษาไม่ได้ผลและเสียโอกาสในการรักษาโรคที่แท้จริง

เมื่อทำการสืบสวน ทราบว่า พระนรสีห์ฯ มีพฤติกรรมเปิดวัดเป็นสถานที่รักษาโรคให้กับประชาชนทั่วไป และมี

ประชาชนหลายคนนั่งรอรับการตรวจรักษาจริง โดยมีผู้ร่วมขบวนการในการรักษาโรคให้ประชาชนและมีการแบ่ง

หน้าที่กันทำ ดังนี้1. น.ส.อรินดาฯ (สงวนนามสกุล) ทำหน้าที่จ่ายยา รับเงินค่ารักษา ประสานงานติดต่อผู้ป่วย และให้

ความเห็นเบื้องต้นกับผู้ป่วย, 2. นายเดชชรินทร์ฯ(สงวนนามสกุล)ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยพระนรสีห์ในการต้อนรับ คัดกรอง

ผู้ป่วย และให้ความเห็นเบื้องต้น, 3. น.ส.อารียา หรือมดฯ (สงวนนามสกุล) ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยพระนรสีห์และบางครั้ง

ทำหน้าที่รักษาแทนพระนรสีห์หากพระไม่ว่าง โดยเจาะเข็มตามร่างกายของผู้ป่วยตามที่พระสอน ซึ่ง น.ส.อารียา หรือ

มดฯ เป็นผู้ที่พระนรสีห์ฯ กล่าวอ้างว่า เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะสุดท้าย โดยตนเป็นผู้รักษาจนหายภายใน 2 

เดือน และบรรลุโสดาบันแล้ว 4. นายรวีวัชรฯ (สงวนนามสกุล) ทำหน้าที่ในการบันทึกภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวการ

รักษาเพื่อไปลงเพจเฟซบุ๊กและ 5. นาง วชิรอักษราฯ (สงวนนามสกุล) ทำหน้าที่บรรจุยาสมุนไพรลงแคปซูลตามคำสั่ง

ของพระนรสีห์ฯ และส่งยาให้ผู้ติดต่อขอซื้อทางออนไลน์อีกทั้งในระหว่างรอตรวจรักษาจะพยายามพูดโน้มน้าวและ

วินิจฉัยโรคให้ผู้ที่มาตรวจรักษารู้สึกว่าตนเองป่วย เช่น บอกว่าผิวดำคล้ำ มีกลิ่นตัว ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายเป็นต้น 

เมื่อประชาชนทั่วไปหลงเชื่อก็จะให้ซื้อยาไปรับประทาน ในราคาสูงถึงชุดละ 4,000 บาท(รับประทานได้10 วัน)

เพื่อให้อาการป่วยดีขึ้นและกลับนัดหมายเพื่อรับการในรักษาภายหลัง

โดยวิธีการรักษาโรคให้ประชาชน พระนรสีห์ฯ ซึ่งไม่ได้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เป็นผู้ทำการตรวจ

รักษา โดยมีวิธีการตรวจรักษาที่ไม่ใช่วิธีการตามหลักวิชาการทางการแพทย์เช่น การให้ผู้ป่วยนอนราบไปกับพื้น 

แล้วใช้มือสัมผัสตัวและนำหินมาวนบริเวณหน้าท้อง อก และใบหน้า และสอบถามอาการ พร้อมทั้งวินิจฉัยว่าป่วย

เป็นโรคมะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ และมะเร็งปอด หรือโรคร้ายแรงอื่นๆ จากนั้นมีการใช้เข็มลักษณะคล้ายเข็มเย็บผ้าแทง

ไปตามจุดต่างๆ ของร่างกาย เช่น บริเวณหน้าท้อง, ปลายนิ้วมือทั้งสองข้าง และต้นขาทั้งสองข้าง ตั้งแต่โคนขา

จนถึงบริเวณเหนือหัวเข่าจำนวนหลายครั้ง บางราย แทงประมาณ 20 ครั้ง เพื่อให้เลือดออกมาจากรอยเจาะ

จากนั้นใช้แท่งเหล็กลักษณะคล้ายปากกาถูวนบริเวณแผลที่มีเลือดออก เป็นต้น

เมื่อส่งผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่อวดอ้างสรรพคุณการรักษาส่งตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบว่า

ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีส่วนประกอบเป็นชิ้นส่วนพืชและชิ้นส่วนอื่นที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นชนิดใด ประกอบกับมี

การโพสต์แสดงข้อความว่ามีสรรพคุณรักษาโรคได้ ดังนั้นผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจึงจัดเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพร ซึ่งจากการ

ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไม่ได้ขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์สมุนไพรแต่อย่างใด

จากพฤติการณ์ของพระนรสีห์ฯ กับพวก เป็นการร่วมกันหลอกลวงประชาชนโดยทั่วไป ด้วยการโพสต์ข้อความ 

ที่สื่อให้เข้าใจว่า พระนรสีห์ฯ กับพวก สามารถตรวจรักษาโรค รวมทั้งอวดอ้างสรรพคุณของผลิตภัณฑ์ยาของตน

ว่า สามารถรักษาโรคร้ายแรงต่างๆ ให้หายขาดได้ผ่านเพจเฟซบุ๊กชื่อ “สำนักพระกรรมฐานศากยาราม” ซึ่งเปิดเป็นเพจ

แบบสาธารณะที่บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงและพบเห็นได้ ซึ่งเป็นความเท็จ เนื่องจาก พระนรสีห์ฯ ไม่ได้เป็นผู้ประกอบ

วิชาชีพเวชกรรม และวิธีการตรวจรักษาก็ไม่ใช่วิธีการตามหลักวิชาการทางการแพทย์แต่อย่างใด ประกอบกับผลิตภัณฑ์ที่

กลุ่มบุคคลดังกล่าวร่วมกันขายไม่ได้มีสรรพคุณในการรักษาโรคตามที่โพสต์โฆษณาไว้ในเพจเฟซบุ๊ก เมื่อมีผู้หลงเชื่อกลุ่ม

บุคคลดังกล่าวจะฉวยโอกาสหลอกเอาทรัพย์สินของประชาชน โดยตรวจวินิจฉัยว่าบุคคลนั้นป่วยเป็นโรคร้ายแรง แล้วขายผลิตภัณฑ์ที่อ้างว่าเป็นยารักษาโรคให้ในราคาที่สูง พนักงานสอบสวน กก.๔ บก.ปคบ. จึงทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลอาญาอนุมัติ

หมายจับ พระนรสีห์ฯ กับพวกรวม 6 ราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันประกอบกิจการ

สถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันขายผลิตภัณฑ์

สมุนไพรโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับ, ร่วมกันโฆษณาผลิตภัณฑ์

สมุนไพรหรือคุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์สมุนไพรโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันโฆษณาผลิตภัณฑ์สมุนไพรในลักษณะ

โอ้อวดสรรพคุณว่าสามารถบำบัดรักษา บรรเทา หรือป้องกันโรคหรือความเจ็บป่วยได้อย่างศักดิ์สิทธิ์หรือรักษาโรค

ให้หายขาดได้ และแสดงสรรพคุณอันเป็นเท็จ เกินความจริง, ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบ

คอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ 

โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวล

กฎหมายอาญา”

โดยพระนรสีห์ มีความผิดเพิ่มเติมในฐาน “ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต”

ต่อมาในวันที่ 24ตุลาคม 2566เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้ร่วมกับ กก.5 บก.ป.,กก.5 บก.ปทส.,สภ.อู่ทอง, 

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) , กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.)และเจ้าหน้าที่ป่าไม้จังหวัดสุพรรณบุรี

นำหมายค้นศาลอาญา เข้าทำการตรวจสอบสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด จำนวน 2 แห่ง ดังนี้

1.สำนักพระกรรมฐาน ศากยราม (เขาพระครุฑ) ต.พลับพลาไชย อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรีซึ่งเป็นสถานที่ตรวจ

รักษาผู้ป่วย ตรวจยึดแคปซูลบรรจุผงสีน้ำตาล จำนวน 7,586 แคปซูล, อุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจรักษา รวมจำนวน 42 

รายการ และเงินสด จำนวน 114,000 บาท

2.เทวสถาน ศิวาลัยเทพมณเฑียรทอง ต.สามชุก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรีซึ่งเป็นสถานที่ผลิต จัดเก็บ และจัดส่ง

แคปซูลบรรจุผงสีน้ำตาล ให้แก่ผู้ที่ติดต่อขอซื้อผ่านทางออนไลน์ตรวจยึดแคปซูล บรรจุผงสีน้ำตาล จำนวน 8,850

แคปซูล, แคปซูลเปล่า 18,000 แคปซูล, ผงสีน้ำตาลสำหรับบรรจุแคปซูล จำนวน 10 กก., อุปกรณ์ส่วนควบในการ

ผลิต ผลิตภัณฑ์สมุนไพร รวมจำนวน 62 รายการ และเงินสด จำนวน 1,763,200 บาท

สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 6 ราย ได้แก่ 1. พระนรสีห์ หรือ นายสิทธัตถ์ฯ (สงวนนามสกุล), 2. นาย

เดชชรินทร์ฯ (สงวนนามสกุล), 3. น.ส.อรินดา หรือหนึ่งฯ (สงวนนามสกุล), 4. น.ส.อารียา หรือมดฯ (สงวนนามสกุล), 

5. นายรวีวัชรฯ (สงวนนามสกุล) และ 6. นาง วชิรอักษรา หรือแน่งฯ (สงวนนามสกุล) รวมตรวจยึดแคปซูลบรรจุผง

สีน้ำตาล จำนวน 16,436 แคปซูล,แคปซูลเปล่า 18,000 แคปซูล, ผงสีน้ำตาลสำหรับบรรจุแคปซูล จำนวน 10 กก.,

อุปกรณ์ส่วนควบในการผลิต ผลิตภัณฑ์สมุนไพร , อุปกรณ์ที่ใช้ในการรักษาโรค และเงินสด กว่า 2 ล้านบาท

รวม 104 รายการ มูลค่าความเสียหายกว่า 3 ล้านบาท ส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดี

อนึ่ง จากการร่วมตรวจสอบสำนักกรรมฐานศากยราม ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปทส. และ และเจ้าหน้าที่

ป่าไม้จังหวัดสุพรรณบุรีพบว่าอาคาร สิ่งปลูกสร้างภายในสถานดังกล่าว จำนวน 18 หลัง ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวน

แห่งชาติป่าเขาทุ่งดินดำ และป่าเขาตาเก้า อันเป็นการกระทำความผิดฐาน “บุกรุก ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วย

ประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าหรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และ บุกรุก 

ก่อสร้าง หรือแผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับ

อนุญาต” ซึ่งได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี อีกส่วนหนึ่ง

จากการสืบสวนเพิ่มเติมผู้ต้องหาบางส่วนให้การว่า พระนรสีห์จะจำวัดที่เทวสถานเป็นประจำ โดยจะเข้าวัด

เฉพาะในวันที่มีการตรวจรักษา หากตรวจรักษาเสร็จเร็วก็จะเข้าให้พระอีกรูปที่พักอยู่ด้วยกันขับรถยนต์มาจำวัดที่ 

เทวสถานจากการสืบสวนเพิ่มเติมทราบว่า สำนักพระกรรมฐานศากยารามได้สร้างขึ้นประมาณเดือนมีนาคม 2561 พร้อม

ทั้งเริ่มมีการโพสต์กิจกรรมต่างๆ ของวัดเรื่อยมา จนกระทั่งเริ่มมีการโพสต์การใช้พลังสมาธิเพื่อบำบัดรักษาโรคให้สุนัข 

และคนที่ป่วยเป็นมะเร็งตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 - ปัจจุบัน (ข้อมูลจากเฟซบุ๊ก “สำนักพระกรรมฐานศากยาราม)

โดยพระนรสีห์บวชเมื่อเดือนเมษายน 2561 ในฝ่ายมหานิกาย ต่อมาในปี 2562 ได้ลาสิกขา และญัตติใหม่ในฝ่าย

ธรรมยุตินิกาย

เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวมีความผิดตาม

กรณีพระนรสีห์

1. พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ฐาน “ประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยไม่ได้รับอนุญาต” ต้องระวาง

โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2. พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ฐาน “บุกรุก ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการ

ทำลายป่าหรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี

หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

3. พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ฐาน “บุกรุก ก่อสร้าง หรือแผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ 

อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี 

และปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท

กรณีพระนรสีห์และผู้ร่วมขบวนการ มีความผิดฐาน

4. ประมวลกฎหมายอาญา ฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาน” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน

100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

5. พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐาน “ร่วมกันประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต และ

ดำเนินกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท

หรือทั้งจำทั้งปรับ

6. พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ.2562

6.1. ฐาน “ร่วมกันขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ

ไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

6.2. กรณีพระนรสีห์ และผู้บรรจุยาสมุนไพรลงแคปซูลมีความผิดฐาน “ร่วมกันผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพร

โดยไม่ได้รับอนุญาต”ระวางโทษจําคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

6.3. ฐาน “ร่วมกันขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับ” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี 

หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

6.4. ฐาน “ร่วมกันโฆษณาผลิตภัณฑ์สมุนไพรหรือคุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์สมุนไพรโดยไม่ได้รับ

อนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

6.5. ฐาน “ร่วมกันโฆษณาผลิตภัณฑ์สมุนไพรในลักษณะโอ้อวดสรรพคุณว่าสามารถบำบัดรักษา 

บรรเทา หรือป้องกันโรคหรือความเจ็บป่วยได้อย่างศักดิ์สิทธิ์หรือรักษาโรคให้หายขาดได้ และแสดงสรรพคุณอัน

เป็นเท็จ เกินความจริง” จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

7. พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ฐาน “ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวง

นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือ

ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐาน

หมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำ

ทั้งปรับนายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า จากกรณีที่ กรม สบส.

ได้รับการประสานจาก กก.4 บก.ปคบ. ให้ร่วมตรวจสอบสถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ ณ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี 

โดยสถานปฏิบัติธรรมดังกล่าว มีพฤติกรรมในการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อโซเชียล โพสต์รูปภาพ คลิปวิดีโอการรักษาโรค 

และข้อความอันสื่อให้เข้าใจว่าสามารถรักษาโรคเบาหวาน หรือโรคร้ายแรงอื่นๆ เช่น โรคมะเร็งให้หายขาดใน

ระยะเวลา 1-3 เดือน อีกทั้ง มีการโฆษณาโอ้อวดสรรพคุณผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรของสถานปฏิบัติธรรมว่าสามารถ

รักษา และบรรเทาอาการได้สารพัดโรค ตนจึงสั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของกองกฎหมาย กรม สบส. ร่วมสนธิกำลัง

กับ กก.4 บก.ปคบ. และ อย. เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยพบว่าสถานปฏิบัติธรรมดังกล่าว มีพระภิกษุซึ่งมิได้เป็นผู้

ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ดำเนินการตรวจรักษาโรคแก่ประชาชน โดยใช้วิธีการตรวจรักษาที่มิใช่วิธีการตามหลัก

วิชาการทางการแพทย์ เช่น การใช้มือสัมผัสตัวและนำหินมาวนบริเวณส่วนต่างๆ ของร่างกายเพื่อวินิจฉัยโรค หรือการ

ใช้เข็มลักษณะคล้ายเข็มเย็บผ้าแทงไปตามจุดต่างๆ ของร่างกาย เพื่อให้เลือดออกมาจากรอยเจาะ จากนั้นใช้แท่งเหล็ก

ถูวนบริเวณแผลที่มีเลือดออก ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ และพนักงานเจ้าหน้าที่ฯ จึงแสดงตัวเข้าจับกุมและแจ้งข้อหา

การกระทำผิดกับพระภิกษุและผู้ช่วยอีก 4 ราย ในเบื้องต้น ประกอบด้วย 1) พระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม 

พ.ศ.2525 ฐาน “ประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยไม่ได้รับอนุญาต” 2) พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 

ฐาน “ร่วมกันประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต และดำเนินกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับ

อนุญาต” 3) ประมาลกฏหมายอาญา ฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาน” 4) พระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ.2562 

ฐาน “ร่วมกันขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรโดยไม่ได้รับอนุญาต”,“ร่วมกันขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มิได้ขึ้นทะเบียน

ตำรับ”, “ร่วมกันโฆษณ าผลิตภัณ ฑ์ สมุน ไพ รหรือคุณ ประโยชน์ ของผลิตภั ณ ฑ์ สมุนไพรโดยไม่ได้รับ

อนุญาต” และ “ร่วมกันโฆษณาผลิตภัณฑ์สมุนไพรในลักษณะโอ้อวดสรรพคุณว่าสามารถบำบัดรักษา บรรเทาหรือ

ป้องกันโรคหรือความเจ็บป่วยได้อย่างศักดิ์สิทธิ์หรือรักษาโรคให้หายขาดได้ และแสดงสรรพคุณอันเป็นเท็จ เกินความจริง” และ 

5) พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ฐาน “ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวง

นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือ

ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐาน

หมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา” พร้อมกับตรวจยึดของกลาง และพยานหลักฐานอื่นๆ ส่งพนักงาน

สอบสวนเพื่อดำเนินคดี

นายแพทย์ภานุวัฒน์ปานเกตุ รองอธิบดีกรมกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวเพิ่มเติมว่า กรม สบส.

ขอเน้นย้ำกับพี่น้องประชาชนทุกท่าน ให้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนเลือกรับบริการรักษาพยาบาลทุกประเภท ขอให้

เลื อ ก รับ บริก ารจาก แพ ท ย์ และสถาน พ ย าบ าลที่ ขึ้น ท ะ เบี ย น อ ย่ างถูก ต้ อ งต าม ก ฎ ห ม าย เท่ านั้ น 

อย่าหลงเชื่อการโฆษณาอวดอ้างจากสื่อโซเชียล หรือจากคำบอกเล่าจากบุคคลอื่นว่าสามารถรักษาได้สารพัดโรคเรื้อรัง

ให้หายขาด โดยเฉพาะการรักษาโรคมะเร็ง, โรคเบาหวาน, โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต, โรคทางจิตเวช, โรคความดันโลหิต,

โรคทางสมอง หัวใจและหลอดเลือด และโรคเอดส์ ซึ่ง ณ ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันว่าสามารถ

รักษาอาการของโรคดังกล่าวให้หายขาดได้ หากพบเห็นขอให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนว่าเป็นการโฆษณาโอ้อวดเกินจริง

ให้หลีกเลี่ยงการรับบริการ และหากอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ก็ขอให้แจ้งเบาะแสมาที่กรม สบส. ทางหมายเลข

โทรศัพท์ 02 193 7000 แต่หากอยู่ในส่วนภูมิภาคก็สามารถแจ้งได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ 

เพื่อดำเนินการตรวจสอบ และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป

ภญ.อรัญญา เทพพิทักษ์ ผอ.ศูนย์จัดการเรื่องร้องเรียนและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับ

ผลิตภัณฑ์สุขภาพ กล่าวว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอขอบคุณตำรวจกอง

บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) , กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ 

(สบส.) และกรมป่าไม้ ที่ได้ร่วมบูรณาการการทำงานจนสามารถดำเนินการเข้าจับกุมผู้ที่กระทำความผิดในครั้งนี้

ผลิตภัณฑ์ที่ตรวจพบในครั้งนี้เป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับ โดยขายเป็นชุดเรียก 4 จตุรเทพ 

โดยมีการอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง เช่น 1) สมุนไพรตะวันฉาย ปรับสมดุลธาตุล้างพิษ เสริมภูมิต้านทาน ภูมิแพ้เลือด

เป็นกรด โรคตับ โรคหัวใจ โรคปอด เส้นเลือดตีบ ไขมันอุดตัน เป็นต้น 2) สมุนไพรจันทร์ฉาย รักษาอาการหลับยาก 

หลับไม่สนิทอ่อนเพลียไม่มีแรง ปวดเข่า ปวดข้อ ลดบวม สมองเสื่อม เป็นต้น 3) สมุนไพรเลือดมังกร รักษามะเร็ง 

โรคเบาหวาน โรคอัลไซเมอร์ 4 ) สมุนไพรหงส์เกี้ยวมังกร เป็นยาอายุวัฒนะพันปี ย้อนวัยให้กลับมาสดใส บำรุงเข้มข้น

และรักษาสภาพเซลล์ ซึ่งการโฆษณาดังกล่าวเป็นการหลอกลวงประชาชนทำให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร 

ไม่มีหลักฐาน หรือผลการทดสอบประสิทธิภาพทางวิทยาศาสตร์มาสนับสนุน จึงขอเตือนผู้บริโภคว่าไม่มียาหรือ

สมุนไพรใดที่มีสรรพคุณรักษาโรคได้ ขอให้ผู้บริโภคระมัดระวังและไตร่ตรองให้รอบคอบ อย่าหลงเชื่อข้อมูลเท็จ 

โฆษ ณ าเกิน จริง ทั้ งนี้ ผู้บริโภคสาม ารถตรวจสอบผลิตภั ณ ฑ์ สุขภาพ ที่ ได้รับอ นุญ าตจาก อย. ได้ที่ 

www.fda.moph.go.th และ Line@FDAThai หากพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยหรือไม่ได้รับอนุญาต สามารถแจ้งได้ที่

สายด่วน อย.1556 หรือผ่าน Email: 1556@fda.moph.go.th Line@FDAThai, Facebook:FDAThai หรือ ตู้ปณ.

1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. กล่าวฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่า ควรศึกษาข้อมูล

และขั้นตอนการรักษาโรคให้ดีก่อนที่จะเข้ารับบริการ การตรวจรักษาโรคต้องกระทำโดยผู้มีใบประกอบวิชาชีพเวช

กรรม เนื่องจากการกระทำหัตถการกระทำกับร่างกายโดยตรง วิธีการที่จะต้องใช้ผู้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ควร

ตรวจสอบสถานพยาบาล ผู้ทำการตรวจรักษา หรือแพทย์ที่ทำการรักษาว่าได้รับอนุญาตถูกต้องหรือไม่ และแจ้งเตือน

ไปยังผู้ที่ลักลอบกระทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่สวมรอยเป็นหมอ, หมอเถื่อน คลินิกเถื่อน หรือกลุ่มบุคคลที่อาศัย

ความหวาดกลัวต่อโรคร้าย และความเชื่อมั่นศรัทธาทางศาสนาของประชาชนมาเป็นเครื่องมือในการหลอกลวง ให้

หยุดพฤติการณ์ดังกล่าวทันที เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการจับกุมอย่างต่อเนื่อง หากตรวจพบจะดำเนินคดีโดย

เด็ดขาด พี่น้องประชาชนสามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ สายด่วน บก.ปคบ.1135 หรือเพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภค

“ผู้ต้องหาหรือจําเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคําพิพากษาถึงที่สุด”

************************************

กองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง

“มืออาชีพ เป็นกลาง เคียงข้างประชาชน”

1106 ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 Website : https://cib.go.th/

FB : ตํารวจสอบสวนกลาง Youtube : ตํารวจสอบสวนกลาง








ขับเคลื่อนโดย Blogger.