รวบแล้วมือฆ่าโหดนายหน้าทุเรียนฝังดินอำพรางที่รือเสาะ หลังหนีไปกบดานบ้านพักที่ปัตตานี
รวบแล้วมือฆ่าโหดนายหน้าทุเรียนฝังดินอำพรางที่รือเสาะ หลังหนีไปกบดานบ้านพักที่ปัตตานี
สำหรับความคืบหน้ากรณีเหตุคนร้ายฆ่าโหดนายเจ๊ะลง แบลือแบ อายุ 71 ปี ซึ่งเป็นนายหน้ารับซื้อทุเรียนแล้วนำไปฝังที่บริเวณริมตลิ่งของคลองในหมู่บ้านตายา ม.1 ต.สุวารี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ซึ่งชาวบ้านได้พบศพห่างจากด้านหลังของขนำในสวนทุเรียนประมาณ 30 เมตร เมื่อเวลา 09.30 น.ของวันที่ 9 ก.ย. 66 ที่ผ่านมา หลังจากได้หายตัวออกจากบ้านเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 66 ที่อยู่ในสภาพนอนคว่ำหน้าใส่เสื้อยืดโปโลสีฟ้าสวมผ้าโสร่งลายหมากรุกสีน้ำตาล ที่บริเวณศรีษะมีกระสอบใส่ข้าวสีขาวคลุมไว้ และคนร้ายใช้เชือกฟางมัดปลายถุงกับลำคอ และมือทั้ง 2 ข้างเท้าทั้ง 2 ข้างถูกมัดด้วยเชือกฟาง ซึ่งคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3 วัน เนื่องจากสภาพศพเริ่มอยู่ในสภาพเน่าเปื่อย เจ้าหน้าที่ต้องส่งศพไปชันสูตรที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่
ซึ่งแพทย์โรงพยาบาลรือเสาะได้ทำการชันสูตรในเบื้องต้น พบว่า ศพนายเจ๊ะลง นายหน้ารับซื้อทุเรียน ที่บริเวณศรีษะมีร่องรอยคล้ายถูกของมีคมฟันเป็นแผลฉกรรจ์ รวมทั้งลำคอก็มีร่องรอยถูกของมีดคมบาดเป็นแผลฉกรรจ์เช่นกันนอกจากนี้ที่บริเวณขนำในสวนทุเรียนจุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบพร้าซึ่งมีขนาด 1 ฟุต วางอยู่ซึ่งคล้ายกับมีการชำระล้างหรือถูเช็ดที่มีร่องรอยคราบเลือด และที่บริเวณขนำมุ่งหน้าไปสู่จุดฝังศพริมตลิ่งของคลองบ้านตายา เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบร่องรอยคล้ายมีการลากของหนัก ที่มีการทำลายหลักฐานในบางจุด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐานในวันเกิดเหตุ
ด้าน พ.ต.อ.ธัญญะ ลัภบุญ ผกก.สภ.รือเสาะ หลังพบศพจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง แกะรอยคนร้ายที่ก่อเหตุ โดยเริ่มต้นที่เจ้าของสวนทุเรียนที่มีการปลูกขนำไว้ และตรวจสอบพบร่องรอยต้องสงสัยหลายจุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเกิดเหตุเจ้าของหรือผู้ดูแลสวนทุเรียนได้หายไป แม้จะมีการพบศพผู้ตายถูกฝังอยู่ภายในสวน เหมือนลักษณะหลบหน้าหลบตาส่อพิรุธ ควรที่จะแสดงตัวเพื่อความบริสุทธิ์ใจ หรือติดต่อกับเจ้าหน้าที่รวมทั้งพูดคุยกับชาวบ้านถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ทราบต่อมาผู้ดูแลสวนทุเรียนจุดเกิดเหตุคือ นายมูฮำหมัดบีรุสลี สะนิ อายุ 47 ปี มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 73/2 ม.8 ต.กะดุนง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี
ซึ่งต่อมาในช่วงเวลาประมาณ 18.00 น.นายมูฮำหมัดรุสลี ได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รือเสาะ ในขณะที่อาศัยอยู่ที่บ้านพักในพื้นที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เพื่อติดต่อขอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ โดยให้เหตุผลกับเจ้าหน้าที่ว่า เกิดความไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายคืน เจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปบ้านหลังดังกล่าว เพื่อรับตัวนายมูฮำหมัดรุสลี มาสอบสวนที่ สภ.รือเสาะ
โดยนายมูฮำหมัดรุสลี ให้การรับสารภาพในชั้นพนักงานสอบสวนว่า เรื่องที่เกิดขึ้นตนเป็นคนลงมือสังหารนายเจ๊ะลง เพียงคนเดียว เนื่องจากวันเกิดเหตุในช่วงเวลา 15.00 น.ของวันที่ 6 ก.ย. 66 นายเจ๊ะลง ได้เดินทางมาหาตนที่ขนำในสวนทุเรียน และได้มีการพูดคุยในเรื่องส่วนตัวที่เคยบางหมางกันมาก่อนในลักษณะเหมือนหยามตน จึงเกิดโทสะใช้พร้าที่วางอยู่ในขนำฟันที่บริเวณศรีษะและลำคอจนนายเจ๊ะลง เสียชีวิต และด้วยความกลัวกับเรื่อที่เกิดขึ้น จึงได้นำกระสอบใส่ข้าวสารคลุมศรีษะโดยเอาปลายถุงมามัดกับลำคอ แล้วใช้เชือกฟางมัดมือทั้ง 2 ข้างและใช้เชือกฟางมัดเท้าทั้ง 2 ข้าง แล้วพยายามลากศพนายเจ๊ะลงไปที่บริเวณเนินทรายริมตลิ่ง พร้อมใช้จอบที่สวนขุดเนินทรายแล้วนำศพนายเจ๊ะลง ลงไปฝังแล้วทำการกลบกองทรายลงตามเดิม พร้อมทั้งได้ทำลายร่องรอยตามจุดต่างๆ แล้วได้หลบหนีไปอาศัยอยู่ที่บ้านพัก อ.สายบุรี จ.ปัตตานี แต่ตนสำนักในความผิดกินไม่ได้นอนไม่หลับ นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นจึงได้ตัดสินใจมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในที่สุด
เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งดำเนินคดี 2 ข้อหา กับนายมูฮำหมัดรุสลี ในข้อหา คือ 1.ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาถึงแก่ความตาย และ 2.ในข้อหา เคลื่อนย้าย ซ่อนเร้นปิดบังอำพรางศพ จนกระทั่งเวลา 21.00 น.ของคืนวันที่ 9 ก.ย. 66 ร.ต.อ.เสกสรร เรืองฤทธิ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.รือเสาะ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง ได้ควบคุมตัวนายมูฮำหมัดรุสบี ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุทั้ง 2 จุด คือ ที่ขนำภายในสวนซึ่งเป็นจุดสังหาร และที่บริเวณเนินทรายริมตลิ่งคลองตายา ซึ่งเป็นจุดฝังศพ
ต่อมาผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปยังบ้านของนายเจ๊ะลง นายหน้ารับซื้อทุเรียนที่เสียชีวิต พบชาวบ้านเป็นจำนวนมากได้ทยอยเดินทางมายังบ้านหลังดังกล่าว เพื่อมาแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งเดินทางมาร่วมพิธีฝังศพของนายเจ๊ะลง ที่ทางเครือญาติจะนำไปฝังศพที่กูโบ ม.5 ต.สุวารี อ.รือเสาะ หลังจากเจ้าหน้าที่จะรับศพจากโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ จ.สงขลา ที่ทำการชันสูตรพลิกศพแล้วเสร็จ ในช่วงเย็นของวันนี้
ด้าน น.ส.รอฮานี คาเร็ง ลูกสาวนายเจ๊ะลง ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ว่าดำเนินเรื่องได้เร็วขนาดนี้ แต่รู้สึกเสียใจที่พ่อต้องมาเสียแบบนี้ ที่ผ่านมาผู้เสียชีวิตกับคนร้ายไม่เคยมีเรื่องเบาะแว้งกัน แค่พ่อไปติดต่อซื้อทุเรียนกันแค่นี้เอง ซึ่งก่อนหน้านี้รู้จักกันในฐานะเจ้าของสวนทุเรียน ที่เราไปติดต่อต้องการซื้อทุเรียนของเขาแค่นั้นแหละไม่มีเรื่องบางหมางอะไรกัน รู้สึกเสียใจไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวอื่นเลย เสียใจที่เราทำแบบนี้มันโหดร้ายเกินไป เพราะไม่ได้ไปทำอะไรให้เขาเลย หรือว่าเขาโกรธแค้นอะไรพ่อเราก็ไม่รู้ ส่วนมากก็เป็นห่วงแกในเรื่องของโรคประจำตัวกลัวจะเกิดอะไรขึ้นมาในสวนของเขามากกว่า ถ้าจะห่วงเรื่องปัญหาต่างๆที่จะไปมีเรื่องกับคนอื่นไม่ห่วงแกไม่เคยมีเรื่องหรือปัญหากับอริที่เราต้องเป็นห่วง
นราธิวาส/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ