Header Ads

 


นนทบุรี คลิป เจ้าของบริษัทน้ำส้มคั้นสุดช้ำไว้ใจผู้จัดการถูกขโมยน้ำส้ม ปลอมแปลงสลิปโอนเงินนานกว่า2 ปีเสียหายกว่า10ล้านบาท

 



นนทบุรี คลิป เจ้าของบริษัทน้ำส้มคั้นสุดช้ำไว้ใจผู้จัดการถูกขโมยน้ำส้ม ปลอมแปลงสลิปโอนเงินนานกว่า2 ปีเสียหายกว่า10ล้านบาท


     เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 7 ก.ย. 66 ที่ สภ.บางบัวทอง น.ส.เจริญรัตน์ สะอาดเอี่ยม อายุ 47 ปี เจ้าของบริษัท ธนรัตน์รุ่งเรืองน้ำทิพย์ จำกัด และนายสุรสิทธิ์ มัจฉาเดช ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของบริษัท ได้เดินทางเข้ามาติดตามความคืบหน้าของคดี และนัดเจรจาค่าเสียหายเป็นครั้งที่ 5 กับนายณัฐพล เทียมสุวรรณ หรือนายเดียว อายุ 33 ปี อดีตผู้จัดการบริษัท หลังแอบขโมยน้ำส้มคั้นสดภายในโรงงานไปขายนานกว่า 2 ปี รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท 


   โดยสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 เม.ย. 66 น.ส.เจริญรัตน์ ได้เดินทางเข้าแจ้งความ หลังถูกนายณัฐพล เทียมสุวรรณ หรือนายเดียว อายุ 33 ปี อดีตผู้จัดการบริษัท ขโมยน้ำส้มคั้นสดภายในโรงงานตัวเองไป วันละ 2 หมื่นขวด โดยใช้อำนาจความเป็นผู้จัดการ สั่งลูกน้องขนย้ายน้ำส้มขึ้นรถกระบะทุกวัน เพื่อนำน้ำส้มที่ขโมยมาไปขายต่อนำเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง และปลอมแปลงสลิปโอนเงินค่าน้ำส้มให้ทางเจ้าของบริษัท เป็นเวลา 2 ปีครึ่ง ทำให้บริษัท ธนรัตน์รุ่งเรืองน้ำทิพย์ จำกัด ขาดทุนทุกเดือน และเสียหายจากการถูกขโมยน้ำส้มไป มูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งหลังจาก น.ส.เจริญรัตน์ ได้เข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบัวทอง และได้มีการนัดไกล่เกลี่ยกับทางอดีตผู้จัดการมาจนถึงปัจจุบัน จำนวน 5 ครั้ง เพื่อให้ทางนายณัฐพล หรือนายเดียว อดีตผู้จัดการบริษัท ชดใช้ค่าเสียหาย แต่จนถึงปัจจุบัน น.ส.เจริญรัตน์ ยังได้รับเงินค่าเสียหายจากอดีตผู้จัดการคนดังกล่าวตามจำนวนที่เจรจากันไว้ไม่ครบ

จึงให้ที่ปรึกษากฎหมายดำเนินคดีกับนายณัฐพล หรือนายเดียว อดีตผู้จัดการบริษัท ข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ และปลอมแปลงเอกสาร  


     จากการสอบถาม น.ส.เจริญรัตน์ เจ้าของบริษัท ธนรัตน์รุ่งเรืองน้ำทิพย์ จำกัด กล่าวว่า นายณัฐพลติดต่อเข้ามาซื้อ-ขายน้ำส้มคั้นสด ตั้งแต่ปี 2563 เริ่มจากการเป็นลูกค้าก่อน ใช้ความสนิทกัน ผ่านมาประมาณ 1 ปี เห็นว่าเป็นคนน่ารักตนจึงให้มาเป็นผู้จัดการ มาช่วยดูเรื่องของไอที เรื่องคอมพิวเตอร์อะไรต่างๆในบริษัท แต่ยังเป็นดีลเลอร์อยู่ พอนายณัฐพลเข้ามาทำงานในบริษัทเหมือนเริ่มรู้ภายในว่าไม่ค่อยตรวจสอบสลิปการโอนเงิน จึงทำการสั่งน้ำส้มและปลอมสลิปโอนเงิน เช่น ยอด 35,000 บาท จะโอนมาจริงแค่ 9 บาท บางสลิป 80,000 กว่าบาท โอนเงินเข้ามาจริงแค่ 400 บาท ซึ่งนายณัฐพลมีการสั่งซื้อน้ำส้มทุกวัน วันละ 2-3 หมื่นบาท บริษัทมียอดผลิตเยอะขึ้นทุกวันแต่เงินไม่ขึ้นตาม จากที่เวลาบริษัทแบ่งจ่ายค่าวัตถุดิบจะมีเงินเหลือ แต่ช่วงนั้นไม่มีเงินเหลือแถมยังติดลบ นายณัฐพลสั่งน้ำส้มคั้นสด จำนวน 1,000 ขวด ผ่านแอดมิน แต่ใช้ความสนิทกับเด็กในโรงงานให้ไปผลิตเพิ่มอีกเท่าตัวและใช้รถกระบะขนออกไป เหมือนจงใจลักทรัพย์ในยามวิกาล เพราะจะขนออกไปตอนกลางคืน ซึ่งตอนนี้มูลค่าความเสียหายที่หาตัวเลขได้ และมีหลักฐานพร้อม จำนวน 8,800,000 บาท แล้วส่วนที่หาไม่เจออีกก็เยอะ บางครั้งเข้ามาที่โรงงานนำขวดมากรอกเองอีก 4-5 ร้อยขวด ซึ่งนายณัฐพลทำแบบนี้มา 2 ปีกว่า


     น.ส.เจริญรัตน์ กล่าวต่ออีกว่า ที่เราจับได้คือเมื่อวันที่ 18 เม.ย. 66 มีลูกค้าอีกรายที่เป็นดีลเลอร์เหมือนกัน โทรมาแจ้งว่ามีสินค้าขนาดขวดครึ่งลิตรหลุดไปถึงลูกค้า 20 ขวด ลูกค้ารับไว้และจ่ายเงินมา แต่รปภ.มาแจ้งอีกว่ามีขวดครึ่งลิตรอีก 20 ขวด อยู่ในถังจน 5 โมงเย็น ไม่มีคนมารับของ ตนจึงไปถามคนที่เขียนถุงว่าน้ำส้มนี้เป็นของใคร ใครเป็นคนสั่ง คนเขียนถุงจึงตอบกลับว่าเป็นของผู้จัดการเดียว หรือนายณัฐพล ตนจึงถามกลับไปว่าจะมีออเดอร์ได้อย่างไร ในเมื่อออเดอร์วันที่ 17 เม.ย. ไม่มีการสั่งซื้อผ่านแอดมิน คนขับรถจึงแจ้งว่านายณัฐพลมีออเดอร์ทุกวัน วันละเป็นคันรถกระบะ เป็นแบบนี้ทุกวัน มูลค่าความเสียหายเยอะมาก นายณัฐพลเป็นผู้จัดการที่บริษัทนี้มา 1 ปี เริ่มก่อเหตุก่อนที่จะเป็นผู้จัดการ โดยใช้ความสนิทกับคนที่บริษัท คนในโรงงาน ไปไหนมาไหนด้วย อยากรู้ความเคลื่อนไหวตลอด จึงรู้ว่าในบริษัทไม่เช็คสลิปอย่างไร ปล่อยงานแบบไหน ซึ่งนายณัฐพลไม่เคยมีพฤติกรรมให้สงสัย เป็นคนนิ่งๆ ตนจึงเชื่อใจมากว่าเขาน่ารักตลอด จนตายใจ ไม่เคยคิดระแวง ตนคุยกับดีลเลอร์ทุกคนว่าผู้จัดการคนนี้น่ารัก ซึ่งหลังจากเกิดเหตุตนได้พูดคุยกับนายณัฐพล สอบถามว่าทำแบบนี้ทำไม นายณัฐพลตอบกลับว่า “ผมขอโทษครับ ผมพลาด” แต่ไม่ได้พูดว่าเขาผิด ซึ่งไม่ได้คุยว่าจะมีการชดใช้ค่าเสียหายอย่างไร แต่ทุกครั้งที่ได้คุย เขาจะชดใช้โดยการโอนเข้าบริษัทโดยตรง ครั้งละ 70,000-100,000 บาท โดยที่ไม่ได้บอกตน ซึ่งเขายอมรับว่าเป็นคนก่อเหตุจริง

 

    ด้านนายสุรสิทธิ์ ที่ปรึกษาทางกฏหมายของบริษัท กล่าวว่า การกระทำของอดีตผู้จัดการ ได้กระทำให้เกิดความเสียหาย ทางบริษัทได้ตรวจสอบเอกสารหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นพยานบุคคลพยานเอกสารที่สามารถรวบรวมได้ และสลิปในการโอนของธนาคาร ซึ่งทางบริษัทมีครบถ้วน สามารถดำเนินคดีได้ แต่ทางบริษัทยังให้โอกาสมาไกล่เกลี่ยพูดคุยค่าเสียหาย โดยไม่ดำเนินคดี หลังจากมีการพูดคุยกัน 4 ครั้งที่ผ่านมา ทางด้านนายณัฐพล หรือนายเดียว บอกว่าให้รอ อ้างว่ากำลังทำเรื่องกู้เงิน ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 ยังไม่ยอมชดใช้ วันนี้จึงได้ให้พนักงานสอบสวนลงเลขคดี เพื่อดำเนินคดี กับอดีตผู้จัดการพฤติการณ์ที่ทำเหมือนมืออาชีพ บอกว่าไม่กลัวเดี๋ยวไปเคลียร์ในชั้นศาลได้ ตนมองว่าบางคดีมีการพูดคุยในชั้นศาลบางคดีคุยในชั้นศาลไม่ได้ ทางเขาได้รับข้อมูลจากทนายว่าสามารถพูดคุยกับผู้ใหญ่ทางศาลได้ ตนจะรอดูว่าทำได้จริงหรือไม่ ซึ่งการกระทำแต่ละกรรมมีในเอกสารทุกกรรม ถ้าจะเอาทุกกรรมตามข้อกฎหมายคงติดคุกเป็นร้อยปี 


ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต

ผู้สื่อข่าว จ.นนทบุรี










ขับเคลื่อนโดย Blogger.