แม่ทัพพภาคที่ 4 พูดชัด ขอประณามผู้ก่อเหตุ ไร้มนุษยธรรม ไม่เลือกเป้าหมาย ไม่เว้นแม้แต่ผู้บริสุทธิ์ เด็กน้อยตาดำ ๆ
แม่ทัพพภาคที่ 4 พูดชัด ขอประณามผู้ก่อเหตุ ไร้มนุษยธรรม ไม่เลือกเป้าหมาย ไม่เว้นแม้แต่ผู้บริสุทธิ์ เด็กน้อยตาดำ ๆ
เศษซากความเสียหายยังคงปรากฏให้เห็น ณ แฟลตข้าราชการตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองจังหวัดนราธิวาส หลังเหตุคนร้ายลอบวางระเบิด เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 นาย คือ ร้อยตำรวจเอก สุทธิรักษ์ พันธนิยะ รองสารวัตรปราบปราม สถานีตำรวจภูธรเมืองนราธิวาส และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 37 ราย ที่รวมไปถึงชาวบ้านและเด็กที่บริสุทธิ์
ณ เวลานี้ยังคงระดมสรรพกำลัง ทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ กรมการปกครองจังหวัดนราธิวาส เทศบาลเมืองจังหวัดนราธิวาสตลอดจนกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม พร้อมกำลังพลและอุปกรณ์ในการทำความสะอาด เศษฝุ่น เศษซากกระจก กระเบื้องหลังคา และกองขี้เถ้า ที่กระจัดกระจายทั่วบริเวณพื้นที่ เพื่อกลับคืนสู่สภาพปกติโดยเร็วทั้งนี้มีครอบครัวเจ้าหน้าที่ได้รับความเสียหายรวมทั้งสิ้น 70 ครัวเรือน
โดย พลโทศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ลงพื้นที่พร้อมด้วย พลตรีไพศาล หนูสังข์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พลตรีเฉลิมพร ขำเขียว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส อีกครั้ง เพื่อติดตามความคืบหน้าของเหตุการณ์ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ทุกส่วนได้เร่งติดตามหาเบาะแสของกลุ่มคนร้าย โดยเฉพาะที่มาของยานพาหนะที่ใช้ในการก่อเหตุ เส้นทางการหลบหนีจากกล้องวงจรปิดและพยานหลักฐานอื่น ๆ เพื่อสาวถึงต้นต่อของกลุ่มขบวนการ
แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า "ลักษณะการก่อเหตุของคนร้ายแต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่มาก่อเหตุในพื้นที่คนอาศัย ไม่เฉพาะเจาะจงทำร้ายเจ้าหน้าที่แต่หากรู้ว่าที่นี่มีครอบครัว ชาวบ้าน ชุมชนอาศัยเป็นจำนวนมาก ใกล้โรงเรียนซึ่งมีเด็กนักเรียนอยู่เป็นจำนวนมาก สร้างความตื่นตระหนก และได้รับผลกระทบต่อจิตใจ รวมไปถึงเศรษฐกิจและสังคม ความเชื่อมั่นของประเทศ แม้เจ้าหน้าที่รัฐจะพยายามควบคุมและเฝ้าระวังการก่อเหตุมาตลอดก็ตาม ต่อไปนี้คงจะต้องเข้มงวดขึ้น ยกระดับรักษาความปลอดภัย 100 % สำหรับปัจจัยในการก่อเหตุ ไม่น่าจะเกิดมาจากผลของการบังคับใช้กฎหมาย เพราะพฤติกรรมของคนร้ายมีการเตรียมการมาอย่างดี แต่ก็ไม่ได้ตัดประเด็นไดทิ้งไป ทั้งนี้ก็ไม่เกินความสามารถของเจ้าหน้าที่ในการขยายผลติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีอย่างแน่นอน"
จากนั้นพลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เดินทางไปยังโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ตำบลบางนาค อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว จำนวน 10 ราย ที่ประกอบไปด้วยกำลังพลเจ้าหน้าที่ตำรวจ ครอบครัว และประชาชนที่โดนลูกหลง พร้อมนำกระเช้าแสดงความห่วงใยจากพลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก มาถึงผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งหลังจากนี้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการสำรวจประเมินความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน เพื่อช่วยเหลือเยี่ยวยาจิตใจผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่
ต่อมา ที่หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ 33 พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ประชุมติดตามกระบวนการสอบสวนหาตัวผู้ก่อเหตุ เส้นทางการหลบหนี กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมี พันโท อำนาจ ภู่ทอง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ 33 สรุปผลการดำเนินงาน หารือแนวทางอุดช่องว่าง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการในลักษณะดังกล่าวอีก พร้อมเน้นย้ำให้ยกระดับรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด และเร่งประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวัง และขอความร่วมมือให้ช่วยกันสอดส่องสิ่งผิดปกติ บุคคลและยานพาหนะต้องสงสัย แจ้งไปยังทุกช่องทาง ทั้งสายด่วน 1341 และสายตรงแม่ทัพภาคที่ 4 โทร. 0611732999 ได้ตลอด 24 ชม.