Header Ads

 


เสี่ยหมู เจ้าของตลาดในปราจีนบุรี หอบหลักฐานใหม่ร้อง ก.ยุติธรรม ขอรื้อคดี หลังติดคุกฟรี 8 เดือน


เสี่ยหมู เจ้าของตลาดในปราจีนบุรี หอบหลักฐานใหม่ร้อง ก.ยุติธรรม ขอรื้อคดี หลังติดคุกฟรี 8 เดือน 


เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 16 ส.ค. ที่ ศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ นายสุวัฒน์ คนซื่อ หรือ วุฒิโรจน์ อริยเดชอนันต์ หรือ เสี่ยหมู เจ้าของบริษัทหมูบินกรุ๊ป จำกัด นักธุรกิจพัฒนาที่ดิน เจ้าของธุรกิจตลาดสดไทยประคอง (ไพศาลสิริ) , ตลาดนนทรี และ ตลาด หนองสังข์ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เดินทางนำหลักฐานใหม่เข้ายื่นขอความเป็นธรรม จากกรณีถูกตำรวจ สภ.กบิทร์บุรี กลั่นแกล้งยัดข้อหาเมื่อปี 2559 จนถูกตัดสินจำคุกฟรีเป็นเวลา 8 เดือน โดยมีนายปริญญ์วัฒน์ เปี่ยมปินวงศ์ ผอ.ศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม เป็นตัวแทนรับเรื่อง 


นายสุวัฒน์ เปิดเผยว่า วันนี้มายื่นเอกสารหลักฐาน อาทิ คำพิพากษา เอกสารการจัดโอนที่ดิน เป็นต้น เพื่อร้องขอความเป็นธรรมให้พิจารณารื้อฟื้นคดีเช็คเด้งมูลค่ารวม 15 ล้านบาท จนเป็นสาเหตุทำให้ตนถูกจำคุกฟรี 8 เดือน ระหว่างปี 2559-2560 โดยเป็นจำเลยในคดีหมายเลขดำที่ 1307/2555 ของศาลจังหวัดปราจีนบุรี และศาลมีคำพิพากษาให้ติดคุกเป็นเวลา 8 เดือน โดยคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2555 ถูกคู่กรณี 5 ราย ได้แก่ ผู้จัดการธนาคารแห่งหนึ่ง ทนายความ แม่ลูก เจ้าหน้าที่ธนาคาร ร่วมกันใช้บัตรประจำตัวประชาชนของตนเองซึ่งหมดอายุไปเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.54 โดยในขณะนั้นหมดไปแล้ว 6 เดือน นำไปแอบอ้างโอนที่ดินของตนเองไปเป็นของคู่กรณี (เจ้าของบริษัทจานดาวเทียมแห่งหนึ่ง) และใช้ใบมอบอำนาจปลอมร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐ โดยตนมาทราบว่าที่ดินดังกล่าวถูกโอนเปลี่ยนเจ้าของ เนื่องจากตอนนั้น ตนเดินทางจากจังหวัดขอนแก่นไปที่ปราจีนบุรีซึ่งเป็นที่ดินของตนเอง จึงพบว่ามีการรื้อสิ่งก่อสร้าง และมีการก่อสร้างเพิ่มเติมบางส่วน จึงได้เข้าไปสอบถามกับไซต์งานก่อสร้างว่าใครมาทำอะไรบนที่ดินของตนเอง จึงทราบว่าคู่กรณีได้มีการดำเนินการโอนที่ดินของตนเองไปเป็นของเขา ด้วยบัตรประจำตัวประชาชนที่หมดอายุไปแล้ว ตนจึงอยากรู้ว่าเหตุใดเจ้าหน้าที่จึงสามารถใช้บัตรประจำตัวประชาชนที่หมดอายุแล้วในการทำธุรกรรมได้ 


นายสุวัฒน์ เผยอีกว่า จากนั้นตนได้เดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.กบินทร์บุรี เพื่อเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องจากการใช้บัตรประจำตัวประชาชนของตนเองไปประกอบการโอนที่ดิน ปัจจุบันคดีอาญาหมดอายุความแล้ว ส่วนคดีแพ่งยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล อย่างไรก็ตาม ในคดีเช็คเด้งนั้นตนได้เซ็นลายชื่อในใบเช็คไว้อยู่แล้ว แต่คู่กรณีได้นำเช็คที่ตนเซ็นชื่อไว้ ไปกรอกจำนวนเงิน 15 ล้านบาท โดยมีอดีตเจ้าหน้าที่ธนาคารมาร่วมเป็นพยานว่าคู่กรณีเบิกเงินแล้วเช็คเด้ง ทำให้ตนถูกตำรวจจับติดคุกฟรี 8 เดือน ทำให้มาขอความเป็นธรรมกับกระทรวงยุติธรรม


เบื้องต้น ผอ.ศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม ได้รับเรื่องร้องทุกข์ดังกล่าวตรวจสอบพบว่าเอกสารเกี่ยวกับคดีที่ติดคุก 8 เดือนยังไม่ครบ แนะนำให้ผู้ร้องนำมามอบให้ภายใน 60 วัน เพื่อจะได้รวบรวมเอกสารพยานหลักฐานทั้งหมดเสนออธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิฯ พิจารณาต่อไป








ขับเคลื่อนโดย Blogger.