Header Ads

 


สุดเศร้า! วัดป้อมรามัญ เผาร่างป้าวัย 65ปี หลังรับจ้างดูแลผู้ป่วยติดเตียงถูกญาติปิดบังข้อมูลสุดท้ายติดโควิดเสียชีวิตหลาน 16 ปี พบมีเชื้อด้วย



เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 16 สิงหาคม 2564 ที่ เมรุ วัดป้อมรามัญ ตำบลสวนพริก อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ มูลนิธิร่วมกตัญญู  จุดเมืองอยุธยา พร้อมแต่งกายชุด PPE  รัดกุม ได้นำร่างผู้เสียชีวิตเป็นหญิง อายุ  65  ปี มาประกอบพิธี ฌาปนกิจศพ หลังจาก รับจ้างดูแลผู้ป่วยติดเตียง ที่ติด โรค covid-19 และเสียชีวิตไปก่อนหน้า 1 อาทิตย์ก่อนที่ตัวเองจะล้มป่วยเป็นโรคโควิด 19 เสียชีวิตภายในบ้าน

โดยทาง พระครูเกษมจันทวิมล หรือพระอาจารย์แดง เกจิชื่อดังเจ้าอาวาสวัดป้อมรามัญได้ ให้เจ้าหน้าที่ ของทางวัดปฏิบัติตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขตามกำหนด อย่างเคร่งครัด  เมื่อ มูลนิธิร่วมกตัญญู นำร่างผู้เสียชีวิตลงจากรถ ก็นำเข้าเตาเผาทันที พร้อมพระภิกษุสงฆ์จำนวน 4 รูปสวด อภิธรรม โดยตลอดทุกขันตอน เจ้าหน้าที่ มีการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ  บรรยากาศ มีญาติ ที่ทราบข่าว ต่างเดินทางมาร่วมงาน และอยู่ ในอาการโศกเศร้า

สอบถาม น.ส.วิภาวดี คงคูณ อายุ 39 ปี ลูกสาว เล่าว่า แม่ของตนเองพักอาศัยอยู่กับหลานชายวัย 16 ปี ที่บ้านเลขที่ 8/1 หมู่ที่ 6 ตำบลหัวรอ อำเภอพระนครศรีอยุธยา  จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  ใกล้เคียงวัดแม่นางปลื้ม  และเมื่อช่วงเช้าของวันนี้  แม่พึ่งจะมีอาการเหนื่อยหอบ หายใจไม่ออกโดยหลานชายโทรไปบอก พอตนถามแม่ก็บอกว่าไม่เป็นอะไร จนมารู้หลังเสียชีวิตหลานชายบอกว่า มีอาการท้องเสียนิดหน่อย ก็คิดว่าเกิดจากการที่แม่กินมะขาม ซึ่งก็พยายามหายาให้ทานมาตลอด ซึ่งแม่ก็มีอายุเยอะประกอบกับโรคประจำตัว ซึ่งเมื่อวันที่ 9 ที่ผ่านมาก็พาแม่ไปตรวจแต่ไม่พบว่าติดโควิด ซึ่งก่อนหน้านี้ แม่กลายเป็นกลุ่มเสี่ยงเนื่องจากคนรู้จักที่เคยดูแลกันอยู่ ผู้หญิงคนนี้อายุ ประมาณ 70 ปีป่วยติดเตียง รักษาตัวอยู่โรงพยาบาลมา 1 เดือน แต่พอกลับมาบ้านทางญาติก็พาเข้าบ้านไม่ได้ มาขอพักอยู่ที่บ้านแม่ของตนเองได้ เพียง 2 วัน ระหว่างที่ทางญาติจะเตรียมหาสถานที่ให้พักรักษาตัวแห่งใหม่ให้ กระทั่ง วันที่ 8 สิงหาคม ที่ผ่านมาผู้ป่วยติดเตียงรายดังกล่าวก็เสียชีวิตที่บ้านแม่ และทางญาติผู้ป่วยติดเตียงเอาร่างไปเผาที่วัดป้อมรามัญทันที  ซึ่งผลของหญิงที่เสียชีวิต พี่น้องของเขาก็ไม่บอกอะไรกับเราเลย เราถามว่าเป็นอะไรมาไหม ก็บอกว่าไม่เป็น เลยคิดว่าแม่ต้องอยู่ในกลุ่มเสี่ยงจึงได้กักตัวอยู่ที่บ้าน ซึ่งจะมาตรวจวันนี้อีกครั้งแต่ก็ไม่ทันแล้วแม่มาเสียชีวิตก่อนทางครอบครัวรู้สึกเสียใจอย่างมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวตนเองต้องสูญเสียแม่ไปอย่างไม่มีวันกลับ ส่วน หลานชาย อายุ 16 ปี ตรวจโควิด 19 แล้วผลออกมาเป็นบวก ต้องติดไปอีกคน จากการที่ญาติผู้ป่วยติดเตียงปกปิดข้อมูล และทางตนเองก็ได้โทรศัพท์ไปบอกกับญาติของผู้ป่วยติดเตียงว่าแม่ตนเองเสียชีวิตแล้วโดยได้รับคำตอบว่า ขอโทษ ส่วนผลการตรวจหาเชื้อโรคโควิด 19 ของแม่ตนเองที่ตรวจหลังเสียชีวิตกับโรงพยาบาล พระนครศรีอยุธยา จะทราบผลในวันพรุ่งนี้แต่ทางครอบครัวเห็นว่าแม่ของตนเองต้องเสียชีวิตจากการติดเชื้อโรคโควิด 19 แน่นอน จึงนำร่างมาเผาที่วัดป้อมรามัญทันที่ เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด

ทางด้าน นายทวีพร ปลื้มสติ อายุ  อสม ชุมชนวัดแม่นางปลื้ม  เล่าว่า ผู้เสียชีวิต นั้นอยู่กับหลานชายอายุ เพียง16 ปี อยู่กันสองคน มีอาชีพรับจ้างทั่วไป และเมื่อก่อนหน้านี้ ได้รับจ้าง ดูแล ผู้ป่วยหญิงอายุ ประมาณ 70 ปี ติดเตียง โดยได้นำมาดูแลอยู่ที่บ้านหลังเกิดเหตุ  และเมื่อช่วงวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา ผู้ป่วยติดเตียงได้เสียชีวิตลง จากการตรวจสอบพบเป็นโรคโควิด 19 จึงได้นำร่าง ไปฌาปนกิจที่วัดป้อมรามัญ  จากนั้นทางอสม. ก็ได้ลงพื้นที่ฉีดพ่นยาและ ได้นำตัวผู้ตายไปตรวจหาเชื้อ covid-19 เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ที่ผ่านมาแต่ผลออกมาเป็นลบ จึงได้ให้ผู้ตายกักตัวอยู่ที่บ้านกับหลานชาย  จนมาเมื่อเช้าหลานชายได้โทรศัพท์มาแจ้งว่ายายมีอาการ เหนื่อยหายใจไม่ออกติดขัดให้ตนจึงเดินทางมาดูก็พบว่าเสียชีวิตแล้ว  จึงให้เจ้าหน้าที่ นำชุดตรวจโควิด 19 ตรวจหลานชายทันทีก็พบว่าติดโรคโควิด 19  ตามไปอีกคน โดยปกติผู้ตายและหลานชาย เป็นครอบครัวขยันทำมาหากิน แต่ผู้ตายคาดว่าหน้าจะติดเชื้อมาจากผู้ป่วยติดเตียงที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้แล้ว  ส่วนตอนนี้หลานชาย ทางอสม. จะต้องประสาน หน่วยงานเทศบาล เพื่อนำตัวหลานชาย ไปกักตัวและรักษา ซึ่งตนก็รู้สึกสงสารหลานชาย เพราะอยู่กับยายมาตั้งแต่เล็ก อยู่กันเพียงสองคน ในบ้านหลังนี้ แต่ก็มีญาติพี่น้องอยู่ใกล้เคียง ก็คงจะต้องให้ญาติพี่น้อง ลงมาช่วยดูแลหลานชายคนนี้ เพื่อให้เรียนหนังสือต่อไป

 

 

ศักดริน  พุทธคาวี ( ต้น 089 – 886 – 2828 )







ขับเคลื่อนโดย Blogger.