นนทบุรี สาวสติแตกปั่นจักรยานมาพร้อมมีดสปาต้าเล่มยาว ไล่ฟันเจ้าของร้านจิ้มจุ่ม ริมถนน ย่านปากเกร็ดจนแตกกระเจิง ทั้งๆที่เจ้าของร้านเมตตา ทำอาหารให้กินประจำ
กรณี Facebook ของนางสาว กชนิภา ปิดตานัง ที่โพสต์ข้อความลงในข่าวสารคนปากเกร็ด ว่า "เอาอีกแล้วนะคะ จากที่แจ้งความไปแล้วปล่อยตัวรอบนี้เอามีดยาวจะมาฟัน ฟันไม่ได้ ก็ทำลายข้าวของ ทุกวันนี้ทำกินก็แย่แล้วนะคะต้องมาระแวงว่าคนบ้าจะมาฆ่าอีก ตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้หนูก็ต้องเอาลูกน้อยวัย 4 ขวบ ออกมาขายของด้วย ชีวิตจะพึ่งพาใครได้คะ ถ้ายังไม่จับไปแบบนี้ตายแน่ๆเลยค่ะ #คนบ้าเป็นผู้หญิงผอมดำปั่นจักรยาน
เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 17 มิถุนายน 64 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณร้าน"ชาละวันจิ้มจุ่ม" ริมถนนแจ้งวัฒนะก่อนถึงห้าแยกปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี หลังทางเจ้าของร้านแชร์คลิป ในโลกออนไลน์ โดยในคลิปเป็นหญิงสาว อายุประมาณ 30 ถึง 35 ปี ขี่จักรยานมาตามถนนในมือถือมีดสปาต้าเล่มยาว ก่อนจอดรถจักรยานอยู่หน้าร้าน พร้อมตะโกนด่าทอไปทั่ว ส่วนอีกคลิปเป็นภาพหญิงสาวคนนี้นั่งอยู่หน้าร้านคล้ายคนสติแตกคุ้มคลั่งพูดจาเพ้อเจ้อ ตะโกนโหวกเหวกโวยวาย สร้างความหวาดผวาให้กับแม่ค้าเจ้าของร้าน และครอบครัว จนต้องโทรแจ้งความตำรวจสายตรวจมาดำเนินการและทางเจ้าของร้านไม่อยากเอาเรื่องจึงปล่อยตัวไป แต่หญิงคนนี้ก็ยังไม่วายเข็ดหลาบย้อนกลับมากลางดึกของคืนวันที่ 16 มิถุนายน 64 แล้วใช้มีดสปาต้า ไล่ฟันข้าวของในร้านจนเก้าอี้นั่งขาดไปหลายตัว พร้อมตะโกน "จะเอาอะไรกับกูนักหนา" เจ้าของร้านและครอบครัว ต้องวิ่งหนีแตกกระเจิง โชคดี รปภ. หน้าบริษัทใกล้เคียงเห็นเหตุการณ์เข้ามาส่องไฟฉายกะพริบ หญิงสติแตกตกใจจึงได้รีบคว้าจักรยานปั่นหลบหนีไปพร้อมอาวุธมีดรวมทั้งคว้าเก้าอี้นั่งสีแดง 1 ตัว ของร้านจิ้มจุ่ม ติดมือไปด้วย
นางสาวกชนิภา ปิดตานัง อายุ 31 ปี เจ้าของร้าน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวด้วยความตื่นเต้นตกใจยังไม่หายว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา 16 ม.ย.64 เวลา 23.00 น ขณะตนเองพร้อมด้วยคุณพ่อ คุณแม่ และลูกสาวอีก 2 คน ช่วยกันเก็บกวาดร้าน หลังเลิกค้าขายตามปกติปรากฏว่าขณะนั้นเองได้มีหญิงสาวปั่นจักรยานมาตามริมถนนในมือถือมีดสปาต้าเล่มยาวเอะอะโวยวาย พร้อมตะโกนใส่ตนว่า "จะเอาอะไรกับกูนักหนา" จากนั้น ก็จอดรถจักรยานแล้วเดินตรงเข้ามาที่ ครอบครัวตนเองที่กำลังสาละวนเก็บร้าน ก่อนจะใช้มีดฟันเก้าอี้ ข้าวของจนพังเสียหาย ตนและคุณพ่อ คุณแม่ รวมทั้งลูกสาว ตกใจกลัวอย่างมาก จึงร้องให้คนช่วย และวิ่งหลบหนีเข้าไปในรถปิคอัพของคุณพ่อที่จอดอยู่ข้างร้าน ขณะนั้น รปภ. ใกล้เคียงซึ่งเข้าเวรดึกได้ยินเสียงร้องจึงออกมาส่องไฟฉายใส่หญิงเพี้ยนดังกล่าว ก่อนที่หญิงคนนี้จะปั่นจักรยานออกจากร้านไปและยังคว้าเก้าอี้นั่ง ที่ร้านไปด้วย 1 ตัว เรื่องที่เกิดขึ้นตนเองรู้สึกตกใจกลัวเป็นอย่างมากไม่รู้ว่าวันไหนเมื่อไหร่เขาจะย้อนกลับมาทำร้ายตนและครอบครัวอีกหรือไม่ ตนก็ไม่เคยมีเรื่องโกรธแค้นกับเขา หลายครั้งที่เขาขี่จักรยานผ่านมาก็มักจะขอข้าวขอน้ำที่ร้านดื่มกินเป็นประจำ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ก็ให้ความช่วยเหลือกับเขาโดยไม่เคยคิดเงิน แม้แต่อย่างใด เรื่องที่เกิดขึ้นตนได้แจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ. ปากเกร็ด ไว้แล้วเพื่อให้ช่วยนำตัวหญิงสติแตกคลุ้มคลั่งรายนี้ มาดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย "ครั้งแรกที่เกิดเรื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจมาระงับเหตุ เขาก็ขอร้อง ไม่ให้ตนเอาเรื่อง ตนเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยที่เขามานั่งโวยวายถ่มน้ำหลายในร้าน ก็กลัวเพราะเป็นช่วงโควิด อีกทั้งเราเองทำมาค้าขายจึงไม่ติดใจเอาความ จนกระทั่งหญิงรายนี้หายไปนานร่วมเดือน จู่ๆเมื่อคืนก็เข้ามาก่อเหตุที่ร้านแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว จึงอยากฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยดำเนินการในเรื่องนี้ด้วย" ส่วนที่ว่า หญิงคนนี้จะเป็นคนสติดีหรือไม่ดีก็ไม่รู้ ทราบแต่เพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่า ไม่มีญาติมายืนยัน ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ ตนก็ฝากเจ้าหน้าที่ช่วยดูแลความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว
ทางด้านนายบรรจบ ปิดตานาง อายุ 51 ปี บิดาของนางสาวกชพรนิภา เปิดเผยว่า พบผู้หญิงคนนี้ครั้งแรก ตอนนั้นที่ร้านกำลังจัดร้านและนำข้าวปลาอาหาร พร้อมเครื่องดื่มไหว้เจ้าที่เจ้าืางบริเวณเสาไฟฟ้าหน้าร้าน เพื่อให้ค้าขายดี ผู้หญิงคนนี้ก็ปั่นจักรยานลงมา แล้วหยิบอาหารที่เซ่นไหว้ในจานขึ้นมากิน ด้วยความหิว ตนเห็นก็สงสารเลยบอกเขาไปว่าเดี๋ยวจะทำอาหารกับข้าวให้กินหหลังจากนั้นมาหญิงคนนี้ก็ขี่จักรยานผ่านที่ร้านหลายครั้งหลายคราวแล้วมาหยิบน้ำดื่มขอกับข้าวกับปลากินตนเองก็ทำให้กินเสมอ มาระยะหลัง หญิงคนนี้กลับมีอาการแปลกๆสติแตก มานั่งโวยวายจนลูกค้าหวาดกลัว บางครั้งเอาแต่ถ่มน้ำลายจนลูกค้าที่ร้านหลายรายไม่กล้ามานั่งกินตนเองก็ไม่เข้าใจว่าญาติของเขาเป็นใครอยู่ที่ไหน ทำอะไร ทำไมไม่ดูแลเขาให้ดีๆ ตอนนี้ส่วนตัวเป็นห่วงภรรยา ลูกสาว และหลานอีก 2 คน ที่ขายของอยู่ที่ร้าน เพราะไม่รู้ว่าหญิงคนนี้จะกลับมาเมื่อไหร่ เวลาไหน หากพวกตน หลบหนีไม่ทันในคืนเกิดเหตุคงถูกเขาฟัน ได้รับบาดเจ็บไปไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน เราอยู่ในที่แจ้งเขาอยู่ในที่ลับตาหากเขากลับมาขณะพวกตนกำลังยุ่งๆ อยู่กับการขายของ หรือเก็บร้าน ไม่ทันระวัง คงต้องเลือดตกยางออกแน่
ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต