กองทัพภาคที่ 3 เตือนการเฝ้าระวังโรคไข้เลือดออก
วันที่ 15 กรกฎาคม 2563 กองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 แถลงข่าวประชาสัมพันธ์ ประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 93 ณ อาคารบรรจุเมล็ดพันธุ์พืชพระราชทาน “เพื่อนช่วยเพื่อน” พื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง กองพันซ่อมบำรุงที่ 23 กองบัญชาการช่วยรบที่ 3 ค่ายสมเด็จพระเอากาทศรถ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมี พันเอก รุ่งคุณ มหาปัญญาวงศ์ โฆษกกองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 พร้อมด้วย พันเอก นายแพทย์ วิโรจน์ ชนม์สูงเนิน รองโฆษก เป็นผู้แถลงข่าวฯ มีสาระสำคัญดังนี้.-
จากข้อมูลในการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าสถานการณ์โรคไข้เลือดออก ในประเทศไทยในปี 2563 (ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 8 กรกฎาคม 2563) พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกแล้ว 25,708 ราย เสียชีวิต 15 ราย ซึ่งกลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยมากที่สุดคือ 15–24 ปี รองลงมาคือกลุ่มอายุ 10-14 ปี และอายุ 25-34 ปี ตามลำดับ ส่วนจังหวัดที่พบอัตราป่วยสูงสุด คือ ชัยภูมิ รองลงมาคือ ระยอง, ขอนแก่น, แม่ฮ่องสอน และนครราชสีมา ตามลำดับ
สำหรับการติดต่อและการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออก คาดว่าในช่วงนี้มีโอกาสพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น เนื่องจากช่วงนี้ประเทศไทยจะมีฝนตกหนักและฝนตกสะสมหลายพื้นที่ ซึ่งหากฝนตกอาจทำให้เกิดน้ำขังตามภาชนะและวัสดุต่างๆ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลายได้
แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3 ได้มอบหมายให้โรงพยาบาลทหารทั้ง 10 แห่ง ในพื้นที่ภาคเหนือ ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์เพื่อเฝ้าระวังโรค ทั้งนี้ แนะนำให้มีการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายบริเวณบ้านและชุมชน ตามมาตรการ “3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค” ดังนี้.-
1. เก็บบ้านให้สะอาด เช่น พับเก็บเสื้อผ้าใส่ในตู้หรือแขวนให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้มีมุมอับทึบเป็นที่เกาะพักของยุง
2. เก็บขยะที่อยู่บริเวณรอบบ้าน เก็บภาชนะใส่อาหารหรือน้ำดื่มที่ทิ้งไว้ใส่ถุงดำ และนำไปทิ้งลงถังขยะ
3. เก็บน้ำ ภาชนะที่ใส่น้ำเพื่ออุปโภค บริโภค ต้องปิดฝาให้มิดชิด ล้างคว่ำภาชนะใส่น้ำ และเปลี่ยนน้ำในกระถางหรือแจกันทุกสัปดาห์ ป้องกันไม่ให้ยุงลายวางไข่ ซึ่งจะสามารถป้องกัน 3 โรค คือ 1) โรคไข้เลือดออก 2) โรคติดเชื้อไวรัสซิกา 3) โรคไข้ปวดข้อยุงลายหรือโรคชิคุนกุนยา
นอกจากนี้ ประชาชนสามารถป้องกันไม่ให้ยุงกัดได้ โดยสวมใส่เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว, การใช้สารไล่ยุงชนิดต่างๆ เช่น DEET, การใช้กลิ่นกันยุง เช่น ตะไคร้ หรือสารเคมีอื่นๆ นอนในมุ้ง เป็นต้น
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ มีอาการบ่งชี้ของโรค คือ มีอาการไข้สูง, ปวดศีรษะ, ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ, หน้าแดง, มีผื่น, มีรอยจ้ำเลือดหรือจุดเลือดออกตามลำตัว แขน ขา, เบื่ออาหาร, จุกแน่นลิ้นปี่ หรือสงสัยว่าป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก ขอให้ได้ไปพบแพทย์ ณ โรงพยาบาลทหาร หรือโรงพยาบาลในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุขใกล้บ้านโดยเร็ว หรือสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
ภาพ/ข่าว ต้อย รอบรั้วภูธร
จากข้อมูลในการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าสถานการณ์โรคไข้เลือดออก ในประเทศไทยในปี 2563 (ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 8 กรกฎาคม 2563) พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกแล้ว 25,708 ราย เสียชีวิต 15 ราย ซึ่งกลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยมากที่สุดคือ 15–24 ปี รองลงมาคือกลุ่มอายุ 10-14 ปี และอายุ 25-34 ปี ตามลำดับ ส่วนจังหวัดที่พบอัตราป่วยสูงสุด คือ ชัยภูมิ รองลงมาคือ ระยอง, ขอนแก่น, แม่ฮ่องสอน และนครราชสีมา ตามลำดับ
สำหรับการติดต่อและการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออก คาดว่าในช่วงนี้มีโอกาสพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น เนื่องจากช่วงนี้ประเทศไทยจะมีฝนตกหนักและฝนตกสะสมหลายพื้นที่ ซึ่งหากฝนตกอาจทำให้เกิดน้ำขังตามภาชนะและวัสดุต่างๆ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลายได้
แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3 ได้มอบหมายให้โรงพยาบาลทหารทั้ง 10 แห่ง ในพื้นที่ภาคเหนือ ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์เพื่อเฝ้าระวังโรค ทั้งนี้ แนะนำให้มีการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายบริเวณบ้านและชุมชน ตามมาตรการ “3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค” ดังนี้.-
1. เก็บบ้านให้สะอาด เช่น พับเก็บเสื้อผ้าใส่ในตู้หรือแขวนให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้มีมุมอับทึบเป็นที่เกาะพักของยุง
2. เก็บขยะที่อยู่บริเวณรอบบ้าน เก็บภาชนะใส่อาหารหรือน้ำดื่มที่ทิ้งไว้ใส่ถุงดำ และนำไปทิ้งลงถังขยะ
3. เก็บน้ำ ภาชนะที่ใส่น้ำเพื่ออุปโภค บริโภค ต้องปิดฝาให้มิดชิด ล้างคว่ำภาชนะใส่น้ำ และเปลี่ยนน้ำในกระถางหรือแจกันทุกสัปดาห์ ป้องกันไม่ให้ยุงลายวางไข่ ซึ่งจะสามารถป้องกัน 3 โรค คือ 1) โรคไข้เลือดออก 2) โรคติดเชื้อไวรัสซิกา 3) โรคไข้ปวดข้อยุงลายหรือโรคชิคุนกุนยา
นอกจากนี้ ประชาชนสามารถป้องกันไม่ให้ยุงกัดได้ โดยสวมใส่เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว, การใช้สารไล่ยุงชนิดต่างๆ เช่น DEET, การใช้กลิ่นกันยุง เช่น ตะไคร้ หรือสารเคมีอื่นๆ นอนในมุ้ง เป็นต้น
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ มีอาการบ่งชี้ของโรค คือ มีอาการไข้สูง, ปวดศีรษะ, ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ, หน้าแดง, มีผื่น, มีรอยจ้ำเลือดหรือจุดเลือดออกตามลำตัว แขน ขา, เบื่ออาหาร, จุกแน่นลิ้นปี่ หรือสงสัยว่าป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก ขอให้ได้ไปพบแพทย์ ณ โรงพยาบาลทหาร หรือโรงพยาบาลในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุขใกล้บ้านโดยเร็ว หรือสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
ภาพ/ข่าว ต้อย รอบรั้วภูธร