Header Ads

 


ศรีสะเกษ - ชาวไทยตะโกนลั่นวอนรัฐบาลเปิดด่านช่องสะงำให้ประชาชน 2 ชาติไปมาหาสู่กันได้

เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 63  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ที่จุดผ่านแดนถาวรไทย – กัมพูชาช่องสะงำ  ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ  ดร.กัลยาณี  ธรรมจารีย์  ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวศรีสะเกษและนายกสมาคมส่งเสริมเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชน จ.ศรีสะเกษและคณะ  ได้เดินทางมาติดตามสถานการณ์การท่องเที่ยวตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา โดยที่ช่องสะงำถือว่าเป็นประตูไปสู่ประเทศกัมพูชาที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยแลชาวกัมพูชา รวมทั้งนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกพากันมาผ่านจุดนี้เพื่อเข้าไปท่องเที่ยวรวมทั้งไปทำธุรกิจค้าขายต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก  ซึ่งเมื่อทางรัฐบาลได้มีคลายล็อคอนุญาตให้รถบรรทุกสินค้ารวมทั้งนักเรียน นักศึกษา และผู้ที่ได้รับอนุญาตจากทางราชการให้ผ่านเข้าออกได้แล้ว  ปรากฏว่า บรรยากาศการค้าการท่องเที่ยวที่ช่องสะงำแห่งนี้  เริ่มที่จะกลับมาคึกคัก  เนื่องจากว่า มีรถบรรทุกสินค้าทั้งของไทยและกัมพูชามารับส่งสินค้ากันอย่างต่อเนื่อง  โดยทางราชการจะอนุญาตให้ผ่านเข้า-ออกได้แบ่งเป็น 4 ช่วงเวลาด้วยกันคือ  เวลา 07.00 น., 10.00 น., 13.00 น.และเวลา 17.00 น.ทุกวัน   แต่ว่าไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวทั่วไปผ่านเข้าออกบริเวณนี้แต่อย่างใด  ทำให้นักท่องเที่ยวที่พากันเข้ามาเที่ยวที่ช่องสะงำต้องพากันผิดหวัง  เนื่องจากว่า ไม่สามารถที่จะผ่านเข้าไปเที่ยวในเขตประเทศกัมพูชาได้   ทำได้เพียงมายืนดูเขตประเทศกัมพูชาที่บริเวณประตูเหล็กเท่านั้น  ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวไทยพากันเปล่งเสียงร้องตะโกนพร้อมกัน 3 ครั้งว่า เปิดช่องสะงำ เพื่อเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเปิดช่องสะงำ โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเฝ้าดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด


นายวิวัฒน์   รุ้งแก้ว  อดีตคณะกรรมการสภาการศึกษา ซึ่งนำคณะนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพ เข้ามาเที่ยวชมที่ช่องสะงำ กล่าวว่า  ตนเข้าใจความจำเป็นในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคคิว – 19   แต่ขณะนี้สถานการณ์ของเชื้อโรคก็ได้ผ่อนคลายไปมากแล้ว  หากเปิดจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำได้  ก็จะเป็นผลดีต่อพี่น้องทั้ง 2 ฝั่ง ไทย -  กัมพูชา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะว่าวันนี้  ตนและคณะมาที่วัดไพรพัฒนาเพื่อกราบหลวงปู่สรวง หลวงพ่อพุฒ มีประชาชนมาเยอะมากแต่มีเพียงพี่น้องประชาชนชาวไทย ถ้าเปิดช่องสะงำประชาชนชาวกัมพูชาก็จะเข้ามาท่องเที่ยวเยอะมาก หากเปิดช่องสะงำตนเห็นว่าจะเป็นผลดีต่อทั้ง 2 ประเทศ  ตนไม่อยากให้พูดว่า ใครได้ดุลการค้า ใครเสียดุลการค้า  จะมีแต่คนได้ประโยชน์ ตนอยากให้เปิดช่องสะงำโดยด่วนที่สุด เพื่อประโยช์ทางด้านการค้าและการท่องเที่ยวของ 2 ชาติ



ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์  ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและนายกสมาคมส่งเสริมเครือข่ายการท่องเที่ยวจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า จากการที่มาดูสถานการณ์ที่บริเวณช่องสะงำแล้ว  แม้ว่าตนอยากจะให้มีการเปิดการท่องเที่ยวไปมาหาสู่กันได้   แต่ก็ยังมีความรู้สึกเกรงว่าความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอาจจะยังไม่พร้อม  เพราะฟังข่าวแล้วเหมือนกับว่าชาวกัมพูชาก็ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยครบทุกคน  จึงยังมีความกังวลว่าหากมีการเปิดเร็วเกินไปหรือปล่อยให้ชาวต่างชาติเข้ามาประเทศไทยอาจจะไม่ปลอดภัยจากโควิด-19  ซึ่งยังไม่มีวัคซีนในการป้องกัน  จึงเห็นว่าต้องรออีกสักหน่อยให้เขามีความพร้อมมากกว่านี้เพราะประเทศไทยได้ชื่อว่าป้องกันได้ดีที่สุดแล้วหากมีการแพร่ระบาดเข้ามาทางฝั่งนี้ ก็จะต้องกลับไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่  ตนขอวอนรัฐบาลว่า ให้หาวิธีเจรจากับทางประเทศกัมพูชาว่า จะสามารถควบคุมแรงงานที่จะเข้ามาทำงานฝั่งไทยหรือดูแลนักท่องเที่ยวที่จะข้ามมาทางฝั่งชายแดนอย่างไรจึงจะสามารถเป็นมาตรการป้องกันที่เข้มข้นไม่ให้มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ได้  หากไม่มีปัญหาก็จะสามารถเปิดการท่องเที่ยวและสร้างเศรษฐกิจทั้ง 2 ประเทศได้เป็นอย่างดี เพราะขณะนี้ความต้องการเดินทางของทั้ง 2 ฝั่งมีจำนวนมากยังมีนักธุรกิจที่ติดอยู่ฝั่งไทยที่ต้องการข้ามไปประเทศกัมพูชาก็มาเฝ้าดูสถานการณ์ที่ชายแดนเหมือนกัน


ภาพ/ข่าว   ศิริเกษ หมายสุข/อัมภณ จับศรทิพย์  รายงาน
ขับเคลื่อนโดย Blogger.