Header Ads

 


"ผู้ประกอบการเช่าคลังสินค้า เปิดแถลงข่าว หาก อคส.ไม่จ่ายค่าเช่าตามสัญญา หากมีผู้ชนะประมูล ตามที่ อคส. ออกประกาศจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐ, จะขนข้าวออกจากคลังไม่ได้ เด็ดขาด"



บริษัทสิงห์โตทองไรซ์คอร์ปอเรชั่นจำกัด แถลงสื่อมวลชนให้ อคส.ยกเลิกประกาศการจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐ เนื่องจาก อคส.ยัง มีภาระหนี้สินค้าง ชำระและเบี้ยปรับให้กับบริษัทรวม 1,065 ล้านบาท และยังเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐเข้าตรวจสอบข้าวเน่าเสียภายในคลังสินค้า และติดตามคดีเอกสารแจ้งเท็จโอนข้าวลมให้กับบริษัท ซึ่งอยู่ระหว่าง ปปท.ดำเนินคดี กับหัวหน้าคลังสินค้ารายหนึ่ง ซึ่งขณะนี้จะเกษียณอายุราชการแต่ว่าคดียังเงียบ ไม่คืบหน้า

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2563 เวลา 11.00 น.นายมนต์ชัย รุ่งชาญชัย ประธานบริษัทสิงห์โตทองไรซ์คอร์ปอเรชั่นจำกัด ตำบลธำมรงค์ อำเภอเมือง ก็จังหวัดกำแพงเพชรได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวสื่อมวลชนถึงกรณี ให้องค์การคลังสินค้า(อคส.)​ ยกเลิกประกาศการจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐ ที่อยู่ในคลังสินค้าของบริษัทสิงห์โตทองไรซ์คอร์ปอเรชั่นจำกัด ที่อยู่ระหว่างการประกาศ ของ อคส. ที่ได้ประกาศการจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐครั้งที่ 1/ 2563 เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2563 และจะเปิดทำการประมูลในวันที่ 26พฤษภาคม 2563
ทางบริษัทเปิดเผยว่า ข้าวสารที่เก็บไว้ในคลังสินค้าของทางบริษัทเป็นข้าวที่เหลือจากโครงการปรับปรุงข้าวสารบรรจุถุง ซึ่ง อคส.ได้มีหนังสือสั่งให้บริษัทหยุดปรับปรุงบรรจุถุงและให้นำข้าวที่เหลือจากการปรับปรุงส่งคืนเข้าคลังสินค้ากลาง อคส. ข้าวส่วนหนึ่งที่ทางบริษัทได้ส่งคืนนั้น ได้เก็บรักษาไว้ที่คลังของบริษัทสิงห์โตทองไรซ์คอร์ปอเรชั่นจำกัด ซึ่งอคส.ได้ทำสัญญาเช่าไว้ ในกรณีดังกล่าว อคส. ยังมีภาระหนี้สินที่ค้างชำระให้กับทางบริษัท อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นหนี้สิน ที่เกิดขึ้นจากสัญญาจ้างปรับปรุงข้าวสารบรรจุถุงระหว่างองค์การคลังสินค้า(อคส.)​ กลับบริษัทสิงโตทองไรซ์คอร์ปอเรชั่นจำกัด  รวมเป็นข้าวทั้งหมดจำนวน 160,543 ตัน ที่ส่งคืนให้กับองค์การคลังสินค้า (อคส.)​เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2557
จากกรณีดังกล่าวทางองค์การคลังสินค้า (อคส.)​ยังมีภาระค่าใช้จ่ายในการข้าวส่งคืน ประกอบไปด้วยค่าบรรจุภัณฑ์ค่าบรรทุกค่ารมยาค่าแรงกรรมกรรวมจำนวน 296 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีหนังสือค้ำประกันที่หมดภาระผูกพันธ์ในสัญญาจ้าง ปรับปรุงข้าวสารบรรจุถุงจำนวน7 ฉบับ รวมวงเงิน 379 ล้านบาทเศษ และเบี้ยปรับอีกจำนวน 82 ล้านบาทเศษ ทั้งนี้ยังมีค่าเช่าคลังสินค้าพร้อมเบี้ยปรับ อีกจำนวน 280ล้านบาทเศษ และยังมีค่าแรงกรรมกรขนถ่ายข้าวสารเข้าคลังสินค้ากลาง พร้อมเบี้ยปรับ 27 ล้านบาท  รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้นกว่า 1,065 ล้านบาท
ประธานบริษัทสิงห์โตทองไรซ์คอร์ปอเรชั่นจำกัดเปิดเผยว่า รายละเอียดทั้งหมดนั้นทางองค์การคลังสินค้า(อคส.)​ ทราบเป็นอย่างดี ว่าทางบริษัทสิงห์โตทองไรซ์คอร์ปอเรชั่นจำกัดนั้น เป็นผู้ให้เช่าคลังสินค้ามานานแล้วกว่า 6 ปี ตั้งแต่ปีเดือนมีนาคม.พศ 2557 ทางบริษัทได้ทำหนังสือเรียกร้องให้ชำระหนี้ มาอย่างต่อเนื่องตลอด 6 ปี  จนในที่สุดเมื่อเดือนธันวาคมปี 2562 ทาง อคส.จึงยอมจัดทำสัญญาเช่าคลังให้ และมีบันทึกข้อตกลงว่าจะชำระค่าเช่าให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลา 30 วันหลังจากทำสัญญา จนเวลาล่วงเลยมาถึงวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 จึงยินยอมชำระให้บางส่วนแต่ก็ยังคงมีหนี้ค้างชำระกับทางบริษัทอีกกว่า 1พันล้านบาท
ทางองค์การคลังสินค้ายังคงผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นดังกล่าวกับทางบริษัทสิงห์โตทองไรซ์คอร์ปอเรชั่นจำกัด ทางบริษัท จึงได้ใช้สิทธิ์ยึดหน่วงข้าวสารทั้งหมดไว้ ในคลังตามบันทึกข้อตกลงตามสัญญา ที่ได้บันทึกกันไว้เมื่อ ไปเมื่อ วันที่ 3 ธันวาคม 2562

ทั้งนี้ทางองค์การคลังสินค้ายังคง ประกาศการจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐ ในคลังดังกล่าวนี้โดยเริ่มประกาศเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2563 และจะมีการประมูลกันในวันที่ 26 พฤษภาคม 2563 ที่จะถึงนี้ ทางบริษัทสิงห์โตทองไรซ์คอร์ปอเรชั่นจำกัดจึงได้แถลงข่าว ต่อสื่อมวลชนเพื่อให้ทางองค์การคลังสินค้านั้นได้ยกเลิกการประกาศจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐในคลังสินค้าของบริษัทสิงห์โตทองไรซ์คอร์ปอเรชั่นจำกัดทั้ง 5 หลัง ตามประกาศครั้งนี้ไว้ก่อน

ซึ่งนายมนต์ชัยรุ่งชาญชัยประธานบริษัทสิงห์โตทองไรซ์คอร์ปอเรชั่นจำกัดเปิดเผยว่า การประกาศจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐในครั้งนี้ ตามประกาศองค์การคลังสินค้าจะเปิดคลังสินค้ากลางที่เช่าไว้ เพื่อให้ผู้ประมูลได้ดูคุณภาพข้าวสารในคลัง เพื่อประกอบในการตัดสินใจของผู้ประมูล กำหนดให้เข้าดูสินค้าตั้งแต่วันที่ 14 ถึงวันที่ 20 พฤษภาคม 2563 แต่ในข้อเท็จจริงทางบริษัทได้สงวนสิทธิ์การให้เข้าดูข้าวสารในคลังสินค้า ผู้ที่จะประมูลจึงไม่สามารถทราบถึงคุณภาพข้าวในคลังแต่อย่างใด เหตุนี้ จึงทำให้ผู้ประมูลไม่มีโอกาสได้เข้าดูสินค้าแม้แต่เพียงรายเดียว
 นอกจากนี้ นายมนต์ชัย รุ่งชาญชัย ยังเปิดเผยต่อว่า หาก อคส.ยังคงไม่ยกเลิกการประกาศการจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐและ หากมีผู้ชนะการประมูลข้าวในครั้งนี้ ก็จะมีปัญหาตามมาเนื่องจาก ผู้ชนะประมูลจะไม่สามารถขนย้ายข้าวสารออกจากคลัง ของบริษัทสิงห์โตทองฯ ได้แต่อย่างใด
เนื่องจากทางบริษัท จำเป็นต้องรักษาสิทธิ์ และปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงตามสัญญาที่ได้ทำกันไว้  จึงขอใช้สิทธิ์ตามกฎหมายในการยึดหน่วงข้าวสารในคลังทั้งหมด ไว้จนกว่า องค์การคลังสินค้าจะชำระหนี้ ให้กับบริษัทสิงห์โตทองฯ ครบถ้วนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 นอกจากนี้ อคส.ยังได้เก็บข้าวสารกองไว้ด้านอกคลังจำนวน 3 หมื่นกระสอบ หรือประมาน 300 ตัน ถูกปล่อยทิ้งไว้โดยไม่เข้ามาดูแลรักษาคุณภาพข้าวตามเกณฑ์กำหนด ทำให้ข้าวเหล่านี้ได้รับความเสียหายเน่าเสีย ซึ่งทำให้รัฐได้รับความเสียเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท และขอเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาตรวจสอบความเสียหายว่าเกิดจากการประมาทเลินเล่อหรือเกิดจากการเพิกเฉยละเว้นของเจ้าหน้าที่ ทำให้รัฐได้รับความเสียหายในครั้งนี้
 นอกจากนี้ยังได้ วอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบ คดีที่ขณะนี้อยู่ในการดูแลของ ปปท. ซึ่งหัวหน้าคลังสินค้า ท่านหนึ่ง ประจำจังหวัดนครสวรรค์ ได้ทำเอกสารเท็จ โอนข้าวลมมายังบริษัทสิงห์โตทองฯ จำนวน 6,205 ตัน โดยอ้างว่าโอนเพื่อจ่ายเป็นค่าจ้างปรับปรุงคุณภาพข้าวสารบรรจุถุง โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อช่วง ปี 2556 ทางบริษัทได้แจ้งดำเนินคดีไว้กับทางสถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร และเรื่อง ดังกล่าวอยู่ระหว่างการตรวจสอบของหน่วยงาน ปปท. จนถึงขณะนี้คดียังคงเงียบหาย ซึ่งผู้ถูกกล่าวหารายนี้จะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน 2563 ที่จะถึงนี้

อย่างไรก็ตามจนถึงวันนี้ทางบริษัทสิงห์โตทองไรซ์คอร์ปอเรชั่นจำกัด และที่ผ่านมาได้ให้ความร่วมมือกับทางภาครัฐด้วยดีมาโดยตลอด จึงขอวิงวอนให้ภาครัฐได้ปฎิบัติตามสัญญา และชำระหนี้ให้กับทางบริษัท ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
/
สุเทพ อินทจันทร์/สมาคมนักข่าวส่วนกลางและท้องถิ่นกำแพงเพชร/รายงาน
ขับเคลื่อนโดย Blogger.